หลาย ๆ คนที่ทำงานด้านครีเอทีฟคงจะทราบกันดีว่า กว่าจะออกแบบโลโก้แบรนด์สักอย่างหนึ่ง จำเป็นต้องผ่านกระบวนการคิดมากมายเต็มไปหมด หลายบริษัทเลือกที่จะใส่สัญลักษณ์และความหมายซ่อนเอาไว้ภายใต้โลโก้ที่ดูธรรมดา ๆ ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยรู้เลยว่า แท้จริงแล้ว โลโก้แบรนด์ดังทั้งหลายเหล่านี้มีเบื้องหลักอะไรซ่อนอยู่ วันนี้เพชรมายาจึงขออาสาพาทุกท่านมารู้จักเบื้องลึกเบื้องหลังโลโก้แบรนด์ดังจากทั่วโลก มาลองดูกันว่าจะมีอะไรบ้างที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน
1. Apple
มีความเชื่อผิด ๆ ที่ถูกบอกต่อกันว่า รอยกัดบนโลโก้แอปเปิ้ลมาจากการอุทิศให้กับ อลัน ทัวริง บิดาของวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ร็อบ จานอฟฟ์ ผู้ออกแบบโลโก้กล่าวว่า เขาทำให้มันดูมีรอยกัด เพราะต้องการป้องกันความสับสนกับผลไม้อื่น หากมันเป็นรูปทรงกลมทั้งหมด
2. Ferrari
หลายคนคิดว่า โลโก้ของเฟอร์รารีที่เป็นรูปม้า จะเกี่ยวข้องกับคำว่า “แรงม้า” แต่นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะจากชีวประวัติของ เอ็นโซ เฟอร์รารี ได้ระบุเอาไว้ว่า ภาพเงาย้อนแสงของม้านี้เริ่มถูกวาดครั้งแรกบนด้านข้างเครื่องบินของ ฟรานเชสโก บารัคกา นักบินมือหนึ่งชาวอิตาลี ซึ่งสัญลักษณ์ดังกล่าวถูกมอบให้กับเอ็นโซ่ โดยแม่ของฟรานเชสโก หลังจากที่เขาชนะการแข่งขันรถแข่งรายการหนึ่ง ซึ่งต่อมามันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม “เฟอร์รารี”
3. Wikipedia
ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่โลโก้ของวิกิพีเดีย ที่เป็นสารานุกรมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด จะมีสัญลักษณ์เป็นรูปโลก ส่วนจิ๊กซอว์บนลูกโลกนี้เราจะเห็นได้ว่ามีหลากหลายภาษา นำมาประกอบกันเป็นคำว่า Wikipedia ส่วนที่ยังประกอบไม่เสร็จก็คือเป็นการแสดงว่า สารานุกรมนี้ยังไม่เสร็จสิ้น และยังคงถูกอัปเดตอย่างต่อเนื่อง
4. Android
อิรินา บล็อค กราฟฟิคดีไซเนอร์และทีมของเธอได้รับมอบหมายให้ออกแบบโลโก้ที่มีส่วนผสมของ “หุ่นยนต์” และ “จดจำได้ง่าย” ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าแรงบันดาลใจของหุ่นยนต์แอนดรอยด์ของเธอ จะมาจากสัญลักษณ์ผู้ชายผู้หญิงที่ปรากฏอยู่บนประตูห้องน้ำสาธารณะ
5. McDonald’s
ในปี 1962 แม็คโดนัลด์ได้ว่าจ้างนักจิตวิทยา หลุยส์ เชสกิน ให้มาช่วยวิเคราะห์โลโก้เดิมที่มีอยู่ตอนนั้นที่เรียกว่า “Speedee the Cook” ซึ่งเชสกินได้แนะนำให้เปลี่ยนโลโก้เก่า และหันมาใช้ตัวอักษร M ที่มีลักษณ์เป็นซุ้มสีทองแทน โดยเขาคิดว่า ลักษณ์โค้งเว้าบนตัวอักษร M มีลักษณ์เหมือนกับหน้าอกผู้หญิง ที่จะช่วยกระตุ้นความอยากอาหารและย้ำเตือนให้ผู้คนรู้สึกถึงความสุขในวัยเด็ก
6. Lacoste
ในปี 1923 ในขณะที่ เรเน ลาคอสต์ นักเทนนิสชื่อดังชาวฝรั่งเศสกำลังเดินไปบนถนนกับ อลัน มัวร์ กัปตันทีมของเขา ลาคอสต์ได้สังเกตเห็นกระเป๋าหนังจระเข้ใบหนึ่งในหน้าต่างร้านค้า ลาคอสต์และมัวร์จึงได้พนันกันว่า ในการแข่งขันเกมถัดไป ถ้าลาคอสต์ชนะ มัวร์จะซื้อกระเป๋าใบนี้ให้
ปรากฏว่าลาคอสต์แพ้ จนกระทั่งมีนักข่าวคนหนึ่งได้ยินเรื่องราวการเดิมพันของทั้งคู่ และนำไปเขียนพาดหัวว่า “นักเทนนิสผู้ไม่เคยชนะแต่ต่อสู้ได้เหมือนกับจระเข้” และนั่นกลายเป็นเหมือนชื่อเล่นของลาคอสต์ จนกระทั่งเขาก่อตั้งบริษัทและทำโลโก้เป็นรูปจระเข้ในที่สุด
7. BMW
มีข่าวลือว่าโลโก้ของ BMW มาจากใบพัดเครื่องบิน และพนักงานของ BMW บางคนก็เชื่อเกี่ยวกับข่าวลือนี้ อย่างไรก็ตาม สีฟ้าขาวในโลโก้ของ BMW มาจากสีธงประจำรัฐบาวาเรีย รัฐที่มีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นสถานที่กำเนิดแบรนด์ BMW นั่นเอง
8. Uber
อูเบอร์ เพิ่งเปลี่ยนโลโก้จากตัว U เป็นสัญลักษณ์บางอย่างที่อูเบอร์เรียกว่ากับ “บิต” หรือ “อะตอม” โดยทางบริษัทระบุว่า ในโลกแห่งเทคโนโลยี บิตคือหน่วยที่เล็กที่สุด คือมีแค่ 0 กับ 1 ซึ่งซอฟต์แวร์ทุกอย่างล้วนถูกประกอบขึ้นมาจากเลขสองตัวนี้ ส่วนโลกแห่งความเป็นจริง อะตอมเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด ทุกสิ่งบนโลกล้วนถูกประกอบขึ้นมาจากอะตอม ดังนั้นเมื่อเอาทั้งบิตและอะตอมมารวมกัน ก็จะเป็นโลกของ Uber ที่ทุกคนสามารถพบได้ที่ไหนก็ได้เช่นเดียวกับบิตและอะตอม
9. Pinterest
ดูเหมือนโลโก้ของ Pinterest โซเชียลเน็ตเวิร์คสุดเก๋นี้จะเรียบง่ายตรงตัว แต่หากคุณสังเกตดี ๆ จะพบว่าตัวอักษร P ตัวแรก จะมีลักษณะคล้ายกับหมุดที่ใช้ปักกระดาษหรือรูปถ่าย และนั่นก็สื่อไปถึงการ Pins หรือ ปัก ภาพถ่ายต่าง ๆ เอาไว้บนกำแพงบนโลกออนไลน์ของเรานั่นเอง
10. Nike
หนึ่งในโลโก้ที่ถูกจดจำมากที่สุดในโลกเป็นหนึ่งในโลโก้ที่มีราคาถูกที่สุด เพราะมันมีมูลค่าเพียง 35 เหรียญ หรือแค่พันกว่าบาทเท่านั้น โดยในปี 1971 ฟิล ไนท์ เจ้าของบริษัทไนกี้ ได้จ้าง แคโรลิน เดวิดสัน นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐพอร์ทแลนด์ให้ออกแบบโลโก้บริษัทขึ้นมา ซึ่งตัวเขาเองไม่ค่อยพอใจกับภาพแรกที่เห็นสักเท่าไหร่ แต่ปรากฏว่าเขาคิดผิด เพราะโลโก้ที่เรียบง่ายแบบสุด ๆ นี้ กลายเป็นหนึ่งในโลโก้ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในศตวรรษที่ 20 และที่มาของโลโก้นี้ก็คือ ปีกของเทพธิดา Nike ซึ่งเป็นเทพแห่งชัยชนะของชาวกรีกนั่นเอง
11. Starbucks
น้อยคนที่จะรู้เกี่ยวกับที่มาของโลโก้สตาร์บั๊ค เพราะนี่คือภาพของนางเงือกที่กำลังถือหางทั้งสองของตัวเองเอาไว้ สัญลักษณ์แปลก ๆ นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนานเทพนิยาย Melusine ผู้หญิงครึ่งปลาที่มี 2 หาง และได้แต่งงานกับมนุษย์ธรรมดา โดยในตอนแรกภาพของนางเงือกทั้งหมดถูกแสดงให้เห็นบนแก้วกาแฟ แต่ต่อมามันถูก “เซ็นเซอร์” จนเหลือเพียงโลโก้ในปัจจุบันที่เราเห็น
12. Pepsi
อีกหนึ่งโลโก้ที่เรียบง่ายแต่ใคร ๆ ก็จดจำได้ แต่มันก็มีราคามหาศาลถึง 1 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 33 ล้านบาทเลยทีเดียว โดยกลุ่มนักออกแบบได้สร้างโลโก้นี้ขึ้นมาอ้างอิงตามสัดส่วนของ “อัตราส่วนทอง (Golden Ratio)” ที่เหมาะสมและดึงดูดสายตามนุษย์ได้มากที่สุด
13. Metro Goldwyn Mayer (MGM)
หรือที่คนไทย (รุ่นเก่า) รู้จักกันดีในชื่อของ เมโทรสิงโตเห่า ซึ่งภาพด้านบนที่เห็นอยู่นี้กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ แต่มันเป็นเพียงภาพตัดต่อ และไม่ใช่เบื้องหลังการถ่ายทำโลโก้สิงโตเห่าแต่อย่างใด ในความเป็นจริง การถ่ายทำโลโก้ของ MGM ทางสตูดิโอได้ใช้สิงโตมากถึง 7 ตัวที่แตกต่างกัน ทุกตัวได้รับการฝึกให้เชื่องและสามารถคำรามต่อหน้ากล้องได้
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ