ชาวเน็ตงงมหาวิทยาลัยสอนวิชาที่นักวิทย์ยังตะลึง นักศึกษาแห่เรียนเพราะหวังเกรด A

การศึกษา ถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะพัฒนาเยาวชนให้มีความรู้เพื่อที่จะนำไปอาเลี้ยงชีพและพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้านักเรียนนักศึกษาเกิดสงสัยในตัวบทเรียนคำสอน พวกเขามีสิทธิ์โต้แย้งหรือไม่เห็นด้วยได้หรือไม่ ? เหมือนกับเรื่องราวต่อไปนี้ที่เพชรมายาขอพาทุกท่านไปชมกัน

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @BrightMinho ได้ออกมาเผยว่า ที่มหาวิทยาลัยของเขามีการสอนวิชาหนึ่ง ที่มีเนื้อหาแปลกๆ จนวิทยาศาสตร์ต้องตะลึง โดยข้อมูลที่พีคสุดๆ คือการระบุว่า

“สภาวะเรือนกระจกจากการผลิตรถยนต์หรืออุตสาหกรรมต่างๆ ยังไม่ส่งผลร้ายแรงเท่ากับการพัฒนาคลื่นแม่เหล็กเข้าไปปกคลุมชั้นบรรยากาศ ยิ่งมีระบบไอคลาวด์ที่เก็บข้อมูลต่างๆ มากมายไว้บนอากาศ ยิ่งทำให้ประจุไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศมีความหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น ดังที่ได้เห็นจากระดับความแรงของฟ้าร้องฟ้าผ่า ที่เสียงและคลื่นพังงานแรงดังกัมปนาทขึ้นกว่าแต่ก่อน”

ซึ่งทางนักศึกษาคนดังกล่าวยังได้บอกอีกว่า มันเป็นเหมือนทฤษฎีสมคบคิด เหมือนสอนว่าโลกแบน ไม่ควรมีวิชาแบบนี้เปิดสอน โหราศาสตร์ยังดูดีกว่าวิชานี้อีก

และเนื้อหาของวิชานี้ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ยังมีอีกหลายส่วนในหนังสือที่ดูแปลกๆ ซึ่งมีการพูดถึงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับความเชื่อและศาสนา ตัวอย่างเช่น

“การที่โลกมนุษย์หลงติดอยู่กับพิกเซลในคอมพิวเตอร์ มีการดาวน์โหลดและส่งต่อข้อมูลต่างๆ โยงกันไปทั่วโลก ซึ่งพลังงานระดับนี้คือพลังงานชั้นละเอียดใกล้เคียงกับมิติโลกวิญญาณ ทำให้วิญญาณที่จัดอยู่ในพวกกิเลสมารยิ่งสามารถเข้ามารับรู้ข้อมูลและนำไปพัฒนาต่อยอดได้ง่ายขึ้น เพราะคลื่นพลังงานที่มนุษย์กำลังหลงติดมีลักษณะใกล้เคียงกับพลังงานในมิติของโลกตน”

นอกจากนั้นยังมีเรื่องประสบการณ์ของผู้ศรัทธาบางคนที่นั่งวิปัสนาอยู่แล้วเจอคลื่นแม่เหล็กขัดขวาง

“ขณะที่จิตนิ่งชั่วขณะ ข้าพเจ้าเห็นเป็นแท่งแม่เหล็กรูปตัวยูทาปลายสีแดงขนาดใหญ่ มายื่นจ่ออยู่แถวขมับด้านซ้าย เป็นความรู้สึกเห็นติดตาแค่แวบเดียว ดั่งเห็นจากของจริงในห้องมืด เมื่อเห็นก็รีบวางมัน และพยายามรวมกำลังสติจดจ่ออยู่กับการปฏิบัติ แต่มันช่างยากเย็นนัก มาวันนี้ทำอย่างไรจิตก็ยังดิ้น ไม่นิ่ง และยังเบลอได้อีก ก็ขันตินั่งต่อไปแต่ไม่รอด ข้าพเจ้าจึงขอขมาถอนภาวนาออกมาในนาทีที่ 20…ช่างน่าละอายแท้…พอถอนภาวนาข้าพเจ้านึกออกเลยว่า กิเลสคงหาวิธีมาแก้ทางข้าพเจ้าที่เมื่อวานนั่งภาวนาได้นาน โดยแก้ด้วยวิธีส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูงมาจ่อ เจาะจงอยู่ที่แถวศีรษะ แล้วจิตของข้าพเจ้าที่ยังอ่อนอยู่จึงถูกคลื่นแทรกได้ง่าย”

@BrightMinho ยังกล่าวอีกว่า “มีวิชานี้จริง ๆ คือมหาลัยยอมให้มีวิชานี้สอนได้ไงเนี่ย คนสอนเป็นอจ.แพทย์ด้วย หนังสือที่ใช้สอนอ่านแล้วก็แบบ อิหยังวะ จริง ๆ หลายคนก็ไม่ชอบนะ แต่ลงเรียนเพราะหวังเกรด A เห้ยย ไปลงเสรีตัวอื่นที่มีประโยชน์ดีกว่ามั้ย แล้ววิชานี้คือแจก A เหมือนล่อให้เด็กมาเรียนเพื่อเผยแพร่ลัทธิอะ”

ขนาดพี่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็ยังไม่รอด เพราะในหนังสือมีระบุว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกสลดสังเวชใจที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กเชิญชวนให้ผู้ใช้ที่มีอยู่ถึง 4 พันล้านคน ออกมาถ่ายทอดสดชีวิตตัวเอง เพื่ออะไร? ทำแล้วได้อะไร?”

อ่านดูแล้วเหมือนหนังสือที่สอนเกี่ยวกับพุทธศาสนา เพราะมีการพูดถึงเรื่องของการตัดกิเลส ละสังขาร และพูดถึงจิตที่หลุดพ้น คือจิตที่สะอาด อยู่เหนือชั้นบรรยากาศทั้ง 4 เป็นเรื่องของพลังงานโดยตรง โดยชั้นบรรยากาศทั้ง 4 ในหนังสือได้อ้างอิงไปถึงนักวิทยาศาสตร์ที่แบ่งตามความหนาแน่นโดยใช้ก๊าซเป็นเกณฑ์

นอกจากนั้นยังมีสอนเกี่ยวกับ Pseudoscience เรื่องผลึกน้ำ จุดพีคคือ หากจิตของเรามีพลังที่ดีสะอาดและสงบ พูดจาไพเราะ สุภาพ ฟังเสียงที่ทำให้จิตเบิกบานมีความสุขเป็นประจำ ผลึกน้ำในร่างกายของเราจะสวยงามเป็นระเบียบ เซลล์ก็จะดูดน้ำไปใช้ประโยชน์ได้มาก สุขภาพก็จะแข็งแรง

หลายๆ คนอาจสงสัย Pseudoscience คืออะไร ถ้าแปลกันตรงๆ ก็คือ “วิทยาศาสตร์เทียม” ที่แอบอ้างความเชื่อหรือแนวทางปฏิบัติที่บอกว่าเป็นวิทยาศาสตร์ แต่จริงๆ แล้ว ไม่ได้ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง สรุปก็คือวิทยาศาสตร์ลวงโลกนั่นเอง

เอาล่ะ เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆ คนคงมีคำถามในหัวกันพอดู และเราจะรวบรวมคำตอบที่หลายคนอยากรู้มาให้อ่านกัน

ชาวเน็ตคนหนึ่งถามว่า นี่มันมหาวิทยาลัยอะไรกัน ทำไมเนื้อหาแบบนี้ สำนักวิชาการปล่อยผ่านมาได้อย่างไร ?

ก็มีชาวเน็ตมาช่วยตอบให้ว่าคือ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี” แล้วนี่คือวิชาอะไรกันแน่ ?

โอ้วววว วิชา “การดูแลสุขภาพในมิติจิตวิญญาณ” ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวิชาแบบนี้ถูกสอนในมหาวิทยาลัยอยู่จริง ว่าแต่มีคนเรียนเยอะหรือเปล่า ?

นอกจากนั้นก็ยังมีชาวทวิตเตอร์ที่เคยมีประสบการณ์กับวิชานี้ในเทอมก่อนๆ มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างเมามัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไม่เข้าใจเนื้อหาเกี่ยวกับจุดประสงค์ของวิชานี้ว่าต้องการอะไรกันแน่

มาถึงตอนนี้ สิ่งที่หลายคนอยากรู้มากที่สุดก็คือ หน้าตาของหนังสือเล่มนี้ ฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงมันเหมือนกับตลกร้ายที่นักศึกษาต้องมาเรียนวิชาที่ให้ความรู้ในลักษณะนี้

และไม่น่าเชื่อว่านี่ก็คือหนังสือ “ฆราวาสบรรลุธรรม” ที่มีชื่อเสียงอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งมีชาวเน็ตคนหนึ่งกลบ่าวว่า นี่คือหนังสือขายดีอันดับ 1 บนเว็บซีเอ็ดเมื่อปีที่แล้วอีกด้วย!!!

สุดท้ายนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าทางมหาวิทยาลัยจะไปทบทวนเนื้อหาของบทเรียนนี้ดูว่า หนังสือเล่มนี้เหมาะกับการมาสอนนักศึกษาหรือเปล่า วิทยาศาสตร์ที่ถูกอ้างถึง พุทธศาสนาที่ถูกอ้างถึง เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ คงต้องให้ทางมหาวิทยาลัยไปตัดสินกันดู

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ

ที่มา : twitter | เรียบเรียงโดย เพชรมายา