ความอยากรู้อยากเห็นของเราเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนๆ ก็ตาม และหากใครที่เคยมีประสบการณ์เข้าห้องผ่าตัด คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า แพทย์และพยาบาลแต่ละคนที่อยู่ในห้องผ่าตัดกันเยอะแยะ พวกเขาและเธอเป็นใคร มีหน้าที่ทำอะไร ใครเป็นพยาบาล ใครเป็นหมอ ใครเป็นคนผ่าตัดคุณ ใครเป็นผู้ช่วย ข้อสงสัยเหล่านี้อาจถูกไม่แปลกถ้าคุณอยู่ในสถานะคนไข้ แต่คุณอาจไม่รู้ว่า มีบางครั้งที่แพทย์และพยาบาลบางคนก็ไม่สามารถจำหน้าเพื่อนร่วมงานภายใต้หมวกและหน้ากากที่ปิดอยู่ได้เช่นกัน
เรื่องราวขำๆ นี้เริ่มจากการที่ ดร.ร็อบ แฮกเก็ตต์ ตัดสินใจที่จะพิมพ์ชื่อของเขาลงบนหมวกคลุมผมพร้อมกับตำแหน่งของเขานั่นคือ “ร็อบ… วิสัญญีแพทย์” ซึ่งเป็นหมอที่วางยาสลบนั่นเอง
ในตอนแรก เพื่อนร่วมงานของเขาก็มองว่ามันเป็นเรื่องขำๆ มีบางคนถึงกับแซวเขาว่า “คุณจำชื่อตัวเองไม่ได้งั้นหรือ ?” แต่ดูเหมือน ดร.แฮกเก็ตต์ จะเป็นคนที่หัวเราะทีหลังดังกล่าว เพราะเมื่อผ่านไป 1 ปี สิ่งที่เขาทำในตอนนั้น ได้กลายมาเป็นกระแสไปทั่วโลกในตอนนี้
มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มากมายได้สนับสนุนในสิ่งที่ ดร.แฮกเก็ตต์ กำลังทำอยู่ พวกเขาได้โพสต์เซลฟี่พร้อมกับติดแฮชแท็ก #TheatreCapChallenge โดยมันคล้ายกับการเป็นชาเลนจ์หนึ่ง สำหรับบุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะ
แน่นอนว่าเพื่อนร่วมงานของ ดร.แฮกเก็ตต์ เองทุกคนก็เริ่มมีชื่อพร้อมกับตำแหน่งหน้าที่ของตนเองบนศีรษะ
เพื่อนร่วมงานของเขาที่เป็นศัลยแพทย์ ก็มีหมวกกับเขาเช่นกัน
อลิสัน นักเรียนการแพทย์ของดร.แฮกเก็ตต์ เธอก็มีวิธีแนะนำตัวเองด้วยหมวกคลุมผมนี้
แต่การเขียนเชื่อและตำแหน่งบนหมวกไม่ได้เป็นการละเล่นท้าทายกันขำๆ โดยที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย
เพราะแพทย์หลายคนกล่าวว่า การที่สามารถเห็นชื่อและหน้าที่บนหมวกได้อย่างชัดเจน สามารถช่วยลดระยะเวลานาทีชี้เป็นชี้ตายที่เกิดขึ้นในระหว่างการช่วยชีวิตผู้คนในห้องผ่าตัดได้
รวมถึงยังสามารถช่วยคนที่จำใบหน้าหรือชื่อของเพื่อนร่วมงานไม่ได้อีกด้วย
ดร.แฮกเก็ตต์ กล่าวว่า “การประสานงานกันจะง่ายขึ้นมากเมื่อคุณรู้จักชื่อของทุกคน มันดีมากสำหรับเพื่อนร่วมงานกัน และก็ดีมากสำหรับคนไข้อีกด้วย”
นอกจากนั้น เขายังกล่าวอีกว่า ผู้หญิงที่กำลังถูกผ่าคลอดจะมีความมั่นใจมากขึ้นจากการที่เธอรู้ชื่อและตำแหน่งของทีมงานทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอ
ในความเป็นจริงแล้ว ตามข้อกำหนดจากองค์การอนามัยโลก ทีมงานทุกคนที่เข้าห้องผ่าตัดจะต้องแนะนำตัวเองก่อนการทำงานจะเริ่มขึ้น
ดร.แฮกเก็ตต์ สารภาพว่าจากประสบการณ์ของเขาเอง ขั้นตอนในส่วนนี้มักถูกมองข้ามไป เมื่อมีการต้องทำขึ้นจริงๆ ก็จะมีเสียงหัวเราะคิกคักมาจากคนอื่นๆ ซึ่งมันเป็นขั้นตอนที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
สุดท้ายนี้ ดร.แฮกเก็ตต์เองก็หวังว่า แคมเปญนี้ควรจะถูกผลักดันโดยผู้ใหญ่ในโรงพยาบาล ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอะไรในระบบสุขภาพ เป็นสิ่งที่เฉื่อยชามากในปัจจุบันนี้
ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ