ตามปกติแล้ว โลโก้ของแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เล็กหรือใหม่ล้วนถูกออกแบบมาตามข้อกำหนดการนำไปใช้งานโดยที่คุณไม่สามารถไปปรับสีสัน ชนิดของฟอนต์ ลดทอนหรือเพิ่มเติมอะไรลงไปให้แตกต่างจากต้นฉบับได้ แต่เรื่องนี้อาจต่างออกไป ถ้าคุณเคยได้เห็นภาพของแม็คโดนัลด์ร้านหนึ่งที่มีโลโก้เป็นสีฟ้า
โลโก้ของแม็คโดนัลด์ที่เป็นตัวอักษร M ทรงโค้ง ถูกเรียกว่า “Golden Arches” เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางการค้าที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก แต่มีร้านแม็คโดนัลด์อยู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่มีโลโก้เป็นสีฟ้าแทนที่จะเป็นสีเหลือง นั่นคือแม็คโดนัลด์สาขาเมืองเซโดนา รัฐแอริโซนา ในสหรัฐอเมริกา
ย้อนกลับไปในปี 1988 นิคมเล็ก ๆ ในรัฐแอริโซนาได้รวมตัวกันจนกลายเป็นเมือง และผู้ประกอบการท้องถิ่นรายหนึ่งก็ตัดสินใจที่จะเปิดร้านแม็คโดนัลด์ขึ้น
แต่การที่ร้านแม็คโดนัลด์เกิดขึ้นท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะผาหินสีแดงของเมืองเซโดนา ดูจะเป็นอะไรที่ขัดตาชาวบ้านเป็นอย่างมาก
และหน่วยงานท้องถิ่นของที่นี่ต้องการให้ธุรกิจทั้งหมดกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมในธรรมชาติที่ประกอบไปด้วยทะเลทรายและหินสีแดง ไม่ใช่สร้างสิ่งที่สะดุดตากว่าธรรมชาติที่สวยงามเหล่านี้
ดังนั้น โลโก้ตัว M สีเหลืองอร่ามจึงถูกพิจารณาว่าเป็นสิ่งที่ “หันเหความสนใจ” มากเกินไป เกร็ก คุก เจ้าของแฟรนไชส์ของแม็กโดนัลด์จึงพยายามประนีประนอมเพื่อให้เขาสามารถเปิดร้านแม็คโดนัลด์ได้
ท้ายที่สุด หน่วยงานท้องถิ่นของเมืองเซโดนายอมรับได้ถ้าแม็คโดนัลด์ยอมเปลี่ยนสีโลโก้ของพวกเขาให้เป็นสีฟ้าอมเขียวเหมือนกับสีของศูนย์การค้าที่อยู่ใกล้กัน
นอกจากนั้น พวกเขายังเข้มงวดเรื่องความสูงของป้ายโลโก้แม็คโดนัลด์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งผลสุดท้ายมันจึงกลายเป็นป้ายแมคโดนัลด์ที่มองเห็นได้ยากมากเมื่อมองมาจากถนน และยังเป็นร้านแม็คโดนัลด์ที่มีป้ายโลโก้เตี้ยที่สุดในสหรัฐอเมริกา
จนกระทั่งในปี 1993 แม็คโดนัลด์สาขาเมืองเซโดนาได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก ถึงแม้ว่าที่นี่จะสูญเสียความเป็นเอกลักษณ์ของแม็คโดนัลด์ไป แต่ในระยะยาวมันกลายเป็นแลนด์มาร์กที่โดดเด่นของเมืองนี้ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมากมายอีกด้วย
“ผมเคยเห็นผู้คนมากมายเดินออกไปข้างนอกเพื่อถ่ายรูปครอบครัวกับโลโก้หน้าร้านของเรา” ผู้จัดการร้านกล่าว
จนถึงทุกวันนี้ เมืองเซโดนายังคงเข้มงวดเรื่องการบังคับใช้กฎหมายพิเศษที่ควบคุมความสว่างของป้ายและแสงไฟภายนอกอาคาร รวมถึงสีสันที่ใช้กับวัสดุของอาคาร เพื่อรักษาพื้นที่ทางธรรมชาติให้ยังคงสวยงามอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน
ที่มา : odditycentral | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ