เทรนด์การขายสินค้าแบบ NFT (Non-Fungible Token) กำลังมาแรงอย่างมากบนโลกออนไลน์ และนั่นทำให้มีม “Disaster Girl” หรือ “เด็กหญิงหายนะ” ที่ถูกจดจำไปทั่วโลก ถูกประมูลไปด้วยราคาที่สูงถึง 6 แสนเหรียญ หรือประมาณ 18 ล้านบาท
แน่นอนว่าคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นคงต้องเคยเห็นภาพมีมนี้อย่างน้อยสักครั้งในชีวิต มันคือภาพถ่ายของเด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังหันมายิ้มเจ้าเล่ห์หน้าบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้ นี่คือหนึ่งในภาพถ่ายที่ผู้คนจดจำได้มากที่สุดในศตวรรษที่ 21
ต้นกำเนิดภาพนี้เกิดขึ้นในเดือนมกราคมปี 2005 เมื่อ เดฟ โรธ พ่อของซูอีกำลังถ่ายภาพลูกสาววัย 4 ขวบของเขาที่วิ่งออกไปดูนักดับเพลิงและบ้านที่ถูกไฟไหม้หลังหนึ่งในเมืองเมเบน รัฐนอร์ทแคโรไลนา
เธอหันมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ดุจปีศาจ
จนกระทั่งในปี 2008 เดฟได้นำภาพนี้ไปประกวดในรายการแข่งขันของนิตยสารถ่ายภาพฉบับหนึ่งและเขาก็ชนะเลิศ หลังจากที่ภาพนี้ถูกตีพิมพ์ออกไปมันก็กลายเป็นมีมที่โด่งดังสุด ๆ
“ฉันอยากให้มีมนี้ช่วยฉันจ่ายเงินค่าเทอมในมหาวิทยาลัยบ้าง” ซูอีในวัย 21 ปีกล่าว “แต่ท้ายที่สุดแล้ว ฉันต้องการให้คนอื่นรู้จักฉันที่เป็นฉันจริง ๆ”
นั่นคือคำที่ซูอีเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อในอดีต แต่ปัจจุบันเธอสามารถขายมันผ่าน NFT ในราคา 180 Ethereum หรือตีเป็นมูลค่าเงินจริงในตอนนี้ก็คือ 6 แสนดอลลาร์สหรัฐนั่นเอง โดยเป็นการประมูลผ่าน Foundation ที่เป็นแหล่งประมูลงานศิลปะด้วยสกุลเงินดิจิทัล Ethereum
ส่วนผู้ชนะการประมูลก็คือผู้ใช้งานที่ชื่อว่า @3FMusic ที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์ NFT จำนวนมาก ผ่านการบิทที่ดุเดือด
ปัจจุบัน ซูอี โรธ เป็นนักศึกษาวัย 21 ปีที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา และเธอกำลังจะมีชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยก่อนหน้านี้เธอไม่เคยได้ผลประโยชน์ใด ๆ จากการเป็นคนมีชื่อเสียงภายในมีมนี้เลยแม้แต่น้อย
ซูอีกล่าวว่าจะนำเหรียญคริปโตที่ได้มาไปบริจาคองค์กรการกุศลและนำไปชำระเงินกู้เพื่อการศึกษาของเธออีกด้วย
“ผู้คนที่อยู่ในมีมที่กลายเป็นกระแสไปทั่วก็ส่วนหนึ่ง แต่วิธีที่ชาวเน็ตปฏิบัติต่อภาพของฉันมันเป็นอะไรที่บ้ามากสำหรับฉัน” ซูอีกล่าว “ตอนนี้ฉันต้องขอบคุณประสบการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง ๆ”
NFT คืออะไร
NFT หรือ Non-Fungible Token ก็คือทรัพย์สินหรือเหรียญดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่มีซ้ำกัน มันอาจเป็นงานศิลปะที่มีเพียงชิ้นเดียว หรือจะเป็นอะไรก็ได้ที่คุณอยากหยิบมาขาย โดย NFT เริ่มโด่งดังมาจากการที่ แจ็ก ดอร์ซี ผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์ได้เอา “ทวิตแรก” ของเขาบนโลกทวิตเตอร์ออกมาขาย และทำเงินไปได้กว่า 2.9 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 90 ล้านบาทเลยทีเดียว
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นในไทยก็คือ หน้าปกการ์ตูนขายหัวเราะเล่มแรกที่มีลายเซ็น บก.วิธิต ซึ่งถูกขายไปในราคากว่าล้านบาท
แน่นอนว่าผู้ที่ซื้อไปจะได้กรรมสิทธิ์ของสินค้าชิ้นนั้นไปครอบครอง โดยมีการนำโทเคนมาเข้ารหัสบน Blockchain เพื่อยืนยันการเป็นเจ้าของทรัพย์สินดิจิทัลนั้น ๆ โดยคุณสามารถนำไปขายทำกำไรต่อก็ยังได้
ในอนาคต โลกของเราจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปโดยเฉพาะเรื่องของการใช้เงินดิจิทัลเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้า และมันอาจมีเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ๆ ที่รอเราให้เรียนรู้อยู่ในอนาคตก็เป็นได้
ที่มา : mashable | foundation | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ