ประเด็นที่น่าสนใจนี้เกิดขึ้นหลังจากที่หญิงสาวนามว่า Jordan Kong ได้ทวิตความคิดเห็นของเธอว่า “สิ่งที่ดีที่สุดที่คนหนุ่มสาวทำได้ในช่วงต้นของอาชีพการทำงานก็คือการทำงานในวันหยุด”
แนวคิดนี้ดูเหมือนว่าจะเกิดจากสมมติฐานที่ว่า คนหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มทำงานจะภาระผูกพันน้อยว่า มีเวลาว่างมากกว่า และมีพลังงานเหลือล้นที่จะลงทุนทำงานหนักเพื่ออนาคตของพวกเขาที่ดีขึ้น
แน่นอนว่าไม่ใช่ชาวเน็ตทุกคนจะเห็นด้วยกับประเด็นนี้ ชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าวไว้ได้อย่างน่าสนใจเช่นกัน
“สิ่งที่ดีที่สุดที่คนหนุ่มสาวสามารถทำได้ในช่วงต้นของอาชีพคือการเรียนรู้ที่จะเติมเติมในทุกระดับรายได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ติดกับดักตัวเองในโลกทุนนิยมที่ต้องไล่ตามมั่งคั่งที่ไม่มีวันจบสิ้นไปตลอดชีวิตที่เหลือ”
ความคิดเห็นของเขาได้รับการกดไลก์มากกว่าเจ้าของโพสต์เสียอีก ในขณะที่ชาวเน็ตอีกคนให้ความเห็นว่า
“สิ่งที่ดีที่สุดที่คนหนุ่มสาวทำได้ในช่วงต้นของอาชีพการทำงานก็คือการทำงานในวันหยุด ดังนั้นพวกเขาจะไม่มีเวลาให้กับเพื่อน ๆ และครอบครัว สร้างพฤติกรรมที่ทำลายสุขภาพ ทักษะทางสังคมเป็นศูนย์ ไม่มีประสบการณ์ชีวิต และต้องเจอกับภาวะหมดไฟก่อนวัย 30”
ประโยคดังกล่าวน่าจะทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าการทำงานหนักในช่วงวัยหนุ่มสาวอาจแลกมากับการสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างที่เราคิดไม่ถึง
นอกจากนั้นก็ยังมีความคิดเห็นของชาวเน็ตที่หลากหลาย เช่น
“ตอนที่คุณอายุยังน้อย มันเป็นเรื่องของการใช้เวลาลงทุนไปกับสิ่งที่คุณอยากเป็น ดังนั้นควรแบ่งเวลาให้ถูกด้วย”
“ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนะ การทำงานเร็วขึ้นจะได้ผลดีกว่าการทำงานในวันหยุด”
“สิ่งที่ดีที่สุดที่คนหนุ่มสาวทำได้ในช่วงต้นของอาชีพการทำงานก็คือการเสี่ยง คุณยังมีเวลาอีกมากกกก”
“เราจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้โดยไม่ต้องทำงานในวันหยุด ทำงานแต่เช้าหรืออยู่ทำงานจนดึกดื่น”
“ฉันเคยเป็นคนแบบนั้นและนี่คือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ มันคือการลดคุณค่างานที่คุณทำและสอนให้หัวหน้าคุณเห็นว่าคุณยินดีที่จะทำงานหนักเกินไป มันไม่มีประโยชน์อย่างที่คนอื่นบอกคุณหรอก”
“ประเทศฟินแลนด์ คนทำงานแค่สัปดาห์ละ 4 วัน ทำไมคุณถึงแนะนำสิ่งที่ตรงกันข้ามให้กับประเทศของคุณเองล่ะ”
“ถ้าคุณไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความรู้และชื่อเสียง สินทรัพย์ที่ดีที่สุดของคุณก็คือการทำงานหนักนั่นแหละ การลงทุนเร็วจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า”
“การทำงานมากขึ้น = ประสบการณ์ที่มากขึ้น มันช่วยให้คุณก้าวออกไปได้เร็วขึ้น และอาจมีรายได้ที่สูงขึ้นเช่นกัน”
ส่วน Jordan กล่าวเสริมว่า คำแนะนำของเธอมีไว้สำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม “การมีทุกอย่าง” ในชีวิตมันเรื่องยากอยู่แล้วที่คุณจะมีงานที่ดี คู่ครองที่ดี รวมถึงได้ทำงานอดิเรกที่คุณชอบ
หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ของการถกเถียงกัน Jordan ได้ออกมาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวตนของเธอว่า เธอทำงานแบบไม่มีวันหยุดตอนที่เริ่มทำงานใหม่ ๆ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน
Jordan กล่าวว่า “ฉันเป็นเด็กยากจนที่มาจากครอบครัวอพยพ และมาประสบความสำเร็จในงานด้านเทคโนโลยี การทำงานหนักต้องแลกมากับบางอย่าง ฉันเป็นเบาหวานตอนที่ทำงาน 90 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ในช่วงอายุ 20 ต้น เป็นโรคลำไส้แปรปรวนที่เกิดจากความเครียด ฉันไม่ได้บอกว่ามันง่ายที่จะใช้ชีวิตแบบนี้”
“แต่ฉันยอมที่จะแลก งานนี้ทำให้ฉันมีความสุขอย่างมาก ฉันทำงานให้เก่งกว่าคนอื่นเพื่อหาโอกาสให้กับตัวเอง ที่ปกติมักจะสงวนไว้ให้สำหรับผู้ชายผิวขาวที่เรียนฮาร์วาร์ดและสแตนฟอร์ด ไม่ใช่ผู้หญิงเอเชียที่ตัวเตี้ยและดูเนิร์ดอย่างฉัน”
“มันเป็นเหตุผลที่ฉันชอบทำงาน ทีมงานทุกคนเราทำงานกันอย่างหนัก ฉันทำงานไม่ใช่เพราะต้องทำ แต่เพราะเราอยากทำ เราพบความสุขจากการสร้างธุรกิจที่อาจเปลี่ยนโลกได้”
“และแค่ฉันทำงานหนักไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ได้มีชีวิตที่สมหวัง ฉันแต่งงานกับเพื่อนสนิทอย่างมีความสุขตลอด 7 ปีที่ผ่านมา เรามีลูกสาววัย 8 เดือนที่เป็นแสงสว่างในชีวิตของเรา”
“ฉันเดินทางไปมาแล้วกว่า 30 ประเทศ ไปร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมมากมายและได้ไต่เขาคิลิมันจาโรมาแล้ว”
“ขอพูดให้ชัดตรงนี้อีกครั้งว่า ฉันไม่เคยบังคับใครให้ทำงานในวันหยุด แต่ฉันไม่เคยทำงานกับใครก็ตามที่ประสบความสำเร็จแต่ไม่หลงใหลในงานของพวกเขา พวกเขาเหล่านั้นก็รู้สึกปรารถนาที่จะทำงานเช่นกัน”
และนี่ก็คือเรื่องราวของ Jordan Kong ที่ทำให้เราได้เห็นมุมมองของเธอที่มีต่อการทำงานหนัก แน่อนว่ามันอาจไม่ได้ตรงกับความคิดเห็นของผู้คนจำนวนมาก แต่ก็มีหลายคนที่พร้อมจะสนับสนุนแนวคิดนี้เช่นกัน แล้วคุณล่ะ คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับแนวคิดนี้บ้าง
ที่มา : boredpanda | Twitter | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
