ชายแต่งชุดเบคอนเผชิญหน้าชาววีแกนที่เทศกาลเบคอน

วิถีชีวิตในแบบ “วีแกน” (Vegan) กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เลิกรับประทานเนื้อสัตว์ รวมถึงไม่ใช้สินค้าที่อย่างที่ทำหรือมีส่วนได้เสียที่มาจากสัตว์ ในขณะที่ชาววีแกนหลายคนเลือกที่จะเดินทางสายนี้แบบเงียบ ๆ แต่อีกจำนวนไม่น้อยที่พยายามออกมาต่อต้านการรับประทานเนื้อสัตว์ด้วยการออกมารณรงค์ตามงานกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อสัตว์

เมื่อเร็ว ๆ นี้ เมืองเล็ก ๆ ในเพนซิลวาเนียได้จัดงานเทศกาลเบคอนประจำปีที่เรียกว่า ‘เบคอนเฟสต์’ (Baconfest) ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูมิภาค มิด-แอตแลนติก

ณ งานเบคอนเฟสต์ คุณจะเพลิดเพลินไปกับอาหาร ดนตรีสด กิจกรรมที่เป็นมิตรกับครอบครัว การสาธิตวิธีทำอาหาร และที่สำคัญก็คือ ทั่วทั้งงานคุณจะได้พบกับเบคอนทุกแบบเท่าที่คุณจะจินตนาการได้ เรียกว่าเป็นสวรรค์ของคนรักเบคอนอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม งานเทศกาลนี้ไม่ได้เป็นที่พึงพอใจสำหรับทุกคนโดยเฉพาะชาววีแกนที่ต่อต้านการรับประทานเนื้อสัตว์ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้พวกเขามายืนถือป้ายประท้วงอยู่ที่งาน

“เบคอนของคุณมีแม่ ไปเป็นวีแกนเถอะ”, “ฉัน (หมู) รู้สึกรักและเจ็บปวดเช่นกัน” และ “จงเป็นคนที่ทำร้ายสัตว์ให้น้อยลง” เป็นข้อความส่วนหนึ่งบนป้ายของพวกเขา

ไม่มีใครทราบว่าการประท้วงเป็นไปนานแค่ไหน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งได้มีบุคคลหนึ่งปรากฎตัวขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาคือขั้วตรงข้ามอย่างชัดเจน นั่นก็คือเขาแต่งชุดที่ประดับประดาไปด้วยเบคอนเต็มยศตั้งแต่หัวจรดเท้า

ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่เข้าไปพูดคุยกับกลุ่มผู้ประท้วง แต่ไม่มีรายละเอียดว่าพวกเขามีการพูดคุยอะไรกัน แต่ที่แน่ ๆ ผู้ประท้วงย่อมไม่ถูกใจกับการแต่งกายของผู้ชายคนนี้

และภาพดังกล่าวก็กลายเป็นกระแสบน Reddit ทันที และมีชาวเน็ตมากมายที่ไปร่วมแสดงความคิดเห็น เช่น

“คนเหล่านี้คาดหวังจริง ๆ ใช่ไหมว่าจะสามารถเปลี่ยนความคิดคนที่ไปร่วมงานเบคอนเฟสต์ได้”

“ผมเข้าใจถึงสาเหตุการประท้วงนะ แต่สถานที่นี้คงไม่เหมาะที่จะชวนผู้คนมาเป็นวีแกน”

“มันไม่เกี่ยวกับการ ‘ไม่กินเนื้อ’ มันเกี่ยวกับอาหารที่ตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์ได้ หากทุกคนเป็นวีแกน พืชที่กินได้ทั้งหมดในโลกนี้จะหมดลงภายใน 2 ปี แล้วหลังจากนั้นล่ะ เราก็จะกลับไปกินเนื้อเหมือนเดิม”

ในขณะที่เบคอนเฟสต์ในปีนี้ ถือเป็นการครบรอบ 10 ปีตั้งแต่งานถูกเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2011 และถือเป็นช่วงที่ผู้คนต้องการกลับมาเฉลิมฉลองในงานเทศกาลอย่างสุดเหวี่ยง หลังจากเกิดการแพร่ระบาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา

ที่มา : ladbible | เรียบเรียงโดย เพชรมายา