คุณอาจคิดว่า วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันขโมยไม่ให้มาขโมยของในรถก็คือ การล็อกรถหรือการติดสัญญาณกันขโมย แต่สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในย่านเบย์แอเรีย ในซานฟรานซิสโก พวกเขากลับเลือกใช้วิธีที่เหนือชั้นไปกว่านั้น
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ชาวเมืองซานฟรานซิสโกและโอกแลนด์กำลังประสบปัญหากับหัวขโมยที่ออกทุบกระจกรถเพื่อขโมยของที่อยู่ข้างใน สิ่งที่เลวร้ายก็คือ บางคนเองก็ไม่ได้มีของมีค่าอะไรอยู่ภายในรถ แต่พวกเขาก็ยังถูกหัวขโมยเหล่านี้ทุบกระจกไปฟรี ๆ
ด้วยสถานการณ์ที่หนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ชาวเมืองตัดสินใจยอมเปิดรถทิ้งเอาไว้เพื่อแสดงให้พวกหัวขโมยเห็นว่า ภายในรถของพวกเขาไม่มีอะไรควรค่าแก่การขโมย
ตามรายงานระบุว่า ชาวเมืองได้เริ่มเอาของมีค่าทุกอย่างออกจากรถของพวกเขา จากนั้นก็ปลดล็อกประตูและเปิดฝากระโปรงท้ายทิ้งเอาไว้ในขณะที่ลงไปทำธุระบางอย่าง อย่างน้อยที่สุดหัวขโมยก็จะไม่มาทุบกระจกเพื่อค้นหาของมีค่าที่อยู่ในรถอีก
แพริซา เฮมแมต เจ้าของธุรกิจในโอกแลนด์เป็นหนึ่งในผู้ที่เลือกใช้วิธีนี้ เธอกล่าวว่า “ในรถของฉันไม่มีอะไรเลย และพวกเขาก็เห็นว่ามันไม่มีอะไรที่จะหยิบฉวยไปได้” เธอใช้วิธีเปิดท้ายรถ SUV ของเธอเอาไว้เพื่อให้หัวขโมยเห็นได้อย่างชัดเจน
ในขณะที่สำนักข่าว NBC Bay Area รายงานว่า สถิติการทุบรถขโมยของในซานฟรานซิสโกเพิ่มขึ้นเกือบ 200% ตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งคิดเป็นจำนวนเฉลี่ยมากถึง 74 ครั้งต่อวัน
ในขณะที่เจ้าของรถบางคนเลือกใช้วิธีอื่น ๆ เช่นการติดป้ายที่หน้าต่างที่เขียนว่า “กรุณาใช้ประตู” หรือ “กรุณาอย่าทุบกระจก เพราะไม่มีอะไรข้างใน”
ถึงแม้ว่าทางตำรวจในย่านเบย์แอเรียจะออกมาเตือนชาวเมืองให้ล็อกประตูรถและให้ปิดท้ายรถให้สนิท แต่ดูเหมือนว่าชาวเมืองจะไม่เชื่อคำเตือนของตำรวจสักเท่าไหร่
“พวกหัวขโมยสามารถขโมยแบตเตอรี หรือยางรถยนต์ของคุณ” การ์เร็ต ทอม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจซานฟรานซิสโกกล่าว “หรือพวกเขาก็สามารถเข้าไปในลิ้นชักเก็บของเพื่อค้นหาที่อยู่ของคุณได้ มันเป็นการเชื้อเชิญให้เกิดเหตุร้ายขึ้น”
เป็นที่น่าสนใจว่า ชาวเมืองที่กล้าจะเปิดรถให้หัวขโมยเข้าไปกลับไม่กลัวว่ารถของพวกเขาจะถูกขโมยไปด้วย ดูเหมือนว่าหัวขโมยส่วนใหญ่แล้วจะไม่เสี่ยงก่อคดีที่รุนแรงที่อาจทำให้ตำรวจเร่งติดตามพวกเขาอย่างจริงจัง แต่หากเป็นคดีเล็กน้อยก็ถือว่าพวกเขายังมีโอกาสรอดสูงกว่ามาก
ที่มา : odditycentral | Inside Edition | เรียบเรียงโดย เพชรมายา