การเดินทางท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศ คุณจำเป็นต้องคว้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่คุณไป การไม่รู้วัฒนธรรม ประเพณี และกฎหมายของที่นั่นอาจทำให้คุณต้องเผชิญกับบทลงโทษได้อย่างไม่คาดคิด รวมถึงสร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนท้องถิ่นที่นั่นอีกด้วย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ลิลี โอคิมูรา หญิงสาวชาวฮาวายได้ออกมาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ถูกปรับเงินจำนวน 500 เหรียญ (ราว 17,000 บาท) จากการไปสัมผัสกับแมวน้ำมังค์ฮาวายที่ใกล้สูญพันธุ์ และนี่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการท่องเที่ยวฮาวาย
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว สามีภรรยาจากหลุยเซียนาถูกปรับเงินฐานเข้าใกล้และสัมผัสแมวน้ำมังค์ฮาวายบนชายหาดของเกาะคาไว ถึงแม้ค่าปรับจะแค่เพียง 500 เหรียญ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายทริปฮันนีมูนดี ๆ ของทั้งคู่ ซึ่งกฎหมายระบุว่า โทษสูงสุดของกรณีนี้คือการจำคุก 5 ปี และปรับสูงสุด 50,000 เหรียญ (ราว 1.7 ล้านบาท)
ทั้งคู่โพสต์วิดีโอที่ตนเองสัมผัสแมวน้ำลงบน TikTok และมันก็กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ทันที ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะออกมายอมรับภายหลังว่าไม่รู้ และเสียใจกับการกระทำที่เกิดขึ้นก็ตาม แต่ก็ไม่รอดจากการโดนปรับและโดนประณามอยู่ดี
แมวน้ำสายพันธุ์มังค์ฮาวายได้รับการพิจารณาว่าเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์มาตั้งแต่ปี 1976 โดยปัจจุบันเหลืออยู่แค่ 1,600 ตัวบนหมู่เกาะฮาวายเท่านั้น และนั่นทำให้กฎหมายของที่นี่จึงมีความรุนแรง และช่วยปกป้องแมวน้ำจากความอยากรู้อยากเห็นของนักท่องเที่ยว
และถึงแม้จะกฎหมาย มีป้าย หรือบางครั้งชาวท้องถิ่นเองก็ต้องคอยเตือน แต่นักท่องเที่ยวบางคนไม่สนใจคำเตือนเหล่านั้น
สัตว์อีกหนึ่งชนิดที่ห้ามนักท่องเที่ยวสัมผัสก็คือเต่าทะเลสีเขียว ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เช่นกัน
ลิลีกล่าวว่า ปัญหาที่แท้จริงคืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของฮาวายสร้างค่านิยมแบบผิด ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงไม่ให้ความรู้แก่ผู้มาเยือนอย่างเหมาะสม ว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำเมื่อมาที่นี่ ในขณะที่รัฐบาลก็ยังผ่อนปรนกับบทลงโทษที่เกิดขึ้นอีกด้วย
“ฮาวายไม่ใช่ดิสนีย์แลนด์ สัตว์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่ใช่คนที่ใส่ชุดคอสตูม พวกมันเป็นสัตว์จริง ๆ พวกมันไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อให้คุณไปรบกวนมัน พวกมันต้องการอยู่ตามลำพัง ถ้าคุณไม่ให้ความเคารพในสถานที่ คุณก็ควรกลับบ้านไปซะ” ลิลีกล่าว
ที่มา : boredpanda | TikTok | เรียบเรียงโดย เพชรมายา