ผลของต้น Pollia condensata หรือที่รู้จักกันในชื่อ มาร์เบิลเบอร์รี (Marble Berry) เป็นพืชที่เติบโตในป่าของแอฟริกากลางและได้รับการยอมรับทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นสารอินทรีย์ที่มีความสว่างสดใสที่สุดในธรรมชาติ
มาร์เบิลเบอร์รีเป็นพืชหายากที่มีความสูงของต้นประมาณ 1 เมตร และแตกหน่อเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ราว ๆ 40 ผล ซึ่งมีสีสันสว่างสดใส โดยเฉพาะเมื่อคุณมองผลของมันใกล้ ๆ จะเห็นความแวววาวราวกับถูกเคลือบด้วยชั้นเมทัลลิกสีน้ำเงิน มันดูคล้ายกับลูกบอลตกแต่งต้นคริสต์มาสขนาดจิ๋วที่ส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางแสงแดด
ถึงแม้ว่าโลกเราจะเต็มไปด้วยผลไม้ที่มีสีสันสวยงามมากมาย แต่ผลไม้ชนิดไหนที่มีความระยิบระยับเท่ากับมาร์เบิลเบอร์รี ซึ่งหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดสอบมาแล้วหลายครั้ง จึงได้ข้อสรุปว่า ผลมาร์เบิลเบอร์รี ไม่ได้เป็นแค่เพียงผลไม้ที่สว่างสดใสที่สุดในโลก แต่ยังเป็นสารอินทรีย์ที่สว่างสดใสที่สุดในโลกอีกด้วย
ในประเทศต่าง ๆ เช่น เอธิโอเปีย โมซัมบิก แทนซาเนีย หรือกานา ผลมาร์เบิลเบอร์รีมีชื่อเสียงมายาวนานในด้านรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสดใสแวววาวสะดุดตา
แต่ในที่สุดนักวิทยาศาสตร์ก็ได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่ทำให้มันสว่างไสวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์กำลังมองหาพืชที่หักเหแสงได้ และพวกเขาก็บังเอิญไปสะดุดตากับผลมาร์เบิลเบอร์รีที่สวนพฤกษศาสตร์ Kew Gardens ในอังกฤษ ซึ่งมันถูกนำเข้ามาจากกานาตั้งแต่ปี 1974 แต่ยังคงมีสีสันที่น่าประทับใจ
ตามปกติแล้ว พืชที่มีสีสันสว่างสดใสต่างก็พึ่งพาเม็ดสีสำหรับรูปลักษณ์ของพวกมัน และเมื่อมันเริ่มเน่าเปื่อยสีสันของมันก็จะหายไป
แต่สำหรับมาร์เบิลเบอร์รีนั้นต่างออกไป เพราะมันยังคงมีสีสันแบบนั้นได้นานหลายทศวรรษ นั่นเป็นเพราะว่าสีสันของมันไม่ได้เกิดจากเม็ดสี แต่เกิดจากโครงสร้างเซลล์ที่มีลักษณะเฉพาะซึ่งสะท้อนแสงในรูปแบบพิเศษจนสร้างเอฟเฟกที่น่าทึ่งนี้ออกมา
นักวิทยาศาสตร์เรียกสีประเภทนี้ว่า “สีเชิงโครงสร้าง” ซึ่งสามารถพบเห็นได้ในสัตว์หลายชนิด เช่น นกยูงซึ่งมีขนเป็นสีน้ำตาลแต่สะท้อนแสงเป็นสีน้ำเงิน เทอร์ควอยซ์ และสีเขียว รวมไปถึงผีเสื้อและแมลงปีกแข็งหลายชนิด และถึงแม้จะมีพืชบางชนิดที่มีสีเชิงโครงสร้างแต่ก็ไม่มีชนิดไหนที่น่าประทับใจเท่ากับมาร์เบิลเบอร์รี
แต่สิ่งที่แย่ที่สุดของมาร์เบิลเบอร์รีก็คือ มันเป็นผลไม้ที่ไม่สามารถรับประทานได้ เพราะว่านอกจากภายนอกที่ดูสวยงามแล้ว ภายในของมันส่วนใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยเมล็ด ข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ มันสามารถรักษารูปร่างและสีสันที่สดใสเอาไว้ได้นานหลายสิบปี
ที่มา: odditycentral