บริการ ‘ตัดผมเงียบ’ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในญี่ปุ่น

ในช่วงของการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ทำให้ธุรกิจหลายแห่งต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบาก หนึ่งในธุรกิจที่น่าสนใจนั่นคือ ‘ร้านตัดผม’ ที่นอกจากจะถูกสั่งปิดในช่วงล็อกดาวน์แล้ว พวกเขายังต้องปรับเปลี่ยนการให้บริการที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น เช่น การสวมหน้ากากอนามัยในระหว่างตัดผม

แต่สำหรับในญี่ปุ่น มันเป็นจุดเริ่มต้นของบริการตัดผมแบบ ‘Silent Cut’ ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น

ต้นกำเนิดไอเดียนี้ จริง ๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามรณรงค์ให้ ‘งดการสนทนา’ หรือ ‘สนทนาให้น้อยลง’ ในสถานบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือในโรงเรียนก็ตาม

แต่นโยบายเหล่านี้อาจไม่สอดคล้องกับบริการร้านทำผมและร้านตัดผมในญี่ปุ่นที่การสนทนาเป็นส่วนหนึ่งของการบริการ

อย่างไรก็ตาม ร้านตัดผมแห่งหนึ่งในโตเกียวได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส เปลี่ยนเรื่องนี้เป็นจุดขายโดยพวกเขาได้เปิดบริการใหม่ที่ชื่อว่า ‘Silent Cut’ โดยที่ช่างตัดผมจะไม่พูดคุยกับคุณแม้แต่คำเดียว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจนร้านอื่น ๆ ต้องทำตาม

“เยี่ยมไปเลย…! ฉันรอบริการนี้มา 20 ปีแล้ว เพราะการพูดคุยกันมันช่างน่าหดหู่ ฉันจึงตัดผมทุก ๆ 3 ปี” ชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าว

“ผมรอดแล้ว เพราะการสนทนากับช่างตัดผมทำให้ผมอึดอัด” ชาวเน็ตอีกคนเสริม

การตัดผมเงียบ ไม่ใช่เป็นเพียงจะเข้าสถานการณ์กับการแพร่ระบาดของโควิดเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ การสำรวจเร็ว ๆ นี้พบว่า มีชาวญี่ปุ่นถึง 70% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ชื่นชอบประสบการณ์ความเป็นส่วนตัวในลักษณะนี้

โดยคำอธิบายที่พบบ่อยที่สุดคือ พวกเขาพบว่ามันผ่อนคลาย เนื่องจากพวกเขาสามารถพักผ่อนได้แทนที่จะต้องเสียพลังงานไปกับการฟังและพูดคุยเรื่องราวที่พวกเขาไม่ต้องการ

ในทางกลับกัน ช่างตัดผมก็ชื่นชอบบริการแบบนี้เช่นกัน โดยหลายคนอ้างว่าพวกเขาถูกสอนให้พูดคุยกับลูกค้าในระหว่างการฝึกงาน

“ฉันเริ่มพูดคุยเพราะถูกสอนมาว่า ให้พูดคุยกับลูกค้าและรับฟังข้อมูลความชอบของพวกเขา แต่การพูดคุยเรื่องที่ฉันไม่ชอบทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดมาก ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะรักษาความเป็นส่วนตัวของพวกเขาเป็นอันดับแรก” ช่างตัดผมรายหนึ่งกล่าว

ดูเหมือนว่าไอเดียนี้สามารถนำมาปรับใช้ที่บ้านเราได้เช่นกัน เพราะเชื่อเหลือเกินว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบการตัดผมแบบเงียบ ๆ โดยที่พวกเขาไม่ต้องปริปากพูดหรือต้องรับฟังเรื่องราวที่พวกเขาไม่ต้องการเช่นกัน

ที่มา: odditycentral