หนึ่งในปรากฎการณ์ธรรมชาติที่ลึกลับที่สุดในอินเดียนั่นคือก้อนหินขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่บนเนินในเมืองมหาพลิปุรัม เมืองประวัติศาสตร์ในรัฐทมิฬนาฑู
ถึงแม้จะดูน่าหวาดเสียวที่หินยักษ์ก้อนนี้อาจกลิ้งตกลงมาได้ทุกเมื่อ แต่ในความเป็นจริง มันตั้งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนมานานกว่า 1,400 ปีแล้ว
และมันมีชื่อที่ฟังดูแปลกประหลาดว่า ก้อนเนยของพระกฤษณะ (Krishna’s Butterball)
แต่เดิมทีหินก้อนนี้มีชื่อว่า Vaan Irai Kal ที่แปลจากภาษาทมิฬหมายถึง “หินแห่งเทพท้องฟ้า” ก่อนที่ภายหลังจะถูกเปลี่ยนชื่อตามความเชื่อของชาวบ้านเป็นก้อนเนยของพระกฤษณะ เนื่องจากตามคัมภีร์ของศาสนาฮินดู พระกฤษณะในวัยเด็กได้แอบหยิบเนยหนึ่งกำมือจากเหยือกเนยของแม่ และทำตกลงมาที่นี่จนกลายเป็นก้อนหินขนาดยักษ์
หินก้อนนี้มีความสูงประมาณ 6 เมตร กว้าง 5 เมตร และหนักประมาณ 250 ตัน มันตั้งอยู่บนเนินเรียบที่สัมผัสกับพื้นที่แค่เพียง 1.2 เมตรเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะท้าทายกฎฟิสิกส์อย่างมาก จนผู้คนต่างเชื่อว่ามันเกิดจากพลังของเทพเจ้า
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 1,400 ปีก่อน กษัตริย์นราสิมวรมันจากราชวงศ์ปัลลวะ เชื่อว่า หินก้อนนี้ลงมาจากสวรรค์และไม่ต้องการให้ช่างแกะสลักคนไหนมาแตะต้องมัน ดังนั้นเขาจึงพยายามให้คนของเขาย้ายหินก้อนนี้ด้วยอุปกรณ์ทั้งหมดที่มี แต่ความพยายามนั้นก็ไร้ผล
ในปี 1908 ตอนที่อินเดียอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ เซอร์อาร์เธอร์ ลอว์ลีย์ ผู้ว่าการรัฐในขณะนั้นตัดสินใจย้ายหินก้อนนี้ออกจากที่ของมัน เนื่องจากเขากังวลเรื่องความปลอดภัยของประชาชนที่อาศัยอยู่ข้างล่าง
เขาใช้ช้างทั้งหมด 7 เชือกพยายามมาลากหินก้อนนี้ให้ลงมาจากเนิน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมันยังคงนิ่งอยู่แบบนั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้เขามั่นใจได้ว่า หินก้อนนี้จะไม่มีพิษมีภัยต่อผู้คนและบ้านเรือน
เรื่องน่าแปลกอีกอย่างคือ หินก้อนนี้มีลักษณะเหมือนถูกผ่าออกซึ่งมองเห็นได้จากด้านข้างและด้านหลัง ไม่มีใครทราบว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เนื่องจากการกัดเซาะตามธรรมชาติไม่สามารถทำให้หินมีรูปร่างเช่นนี้ได้
จนถึงทุกวันนี้ ความลึกลับของก้อนเนยของพระกฤษณะก็ยังคงดำรงอยู่ต่อไป โดยไม่มีใครสามารถหาสาเหตุที่แท้จริงได้ว่า ทำไมหินก้อนนี้ยังคงทรงตัวอยู่บนเนินที่ลาดชันได้โดยไม่ขยับไปไหนมานานกว่าพันปี