หนึ่งในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของโลกที่หลายๆ คนจดจำได้เป็นอย่างดี นั่นคือช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นบุกถล่มฐานทัพเรือ เพิร์ล ฮาเบอร์ ของสหรัฐอเมริกา เมื่อเช้าวันที่ 7 ธันวาคม 1941 ซึ่งการโจมตีครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อไม่ให้กองเรือแปซิฟิกของสหรัฐเข้าแทรกแซงญี่ปุ่น ที่กำลังวางแผนยึดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะจีนที่ส่งขอความช่วยเหลือไปหาอเมริกา
พลเรือเอก อิโซโรกุ ยามาโมโต ผู้บัญชาการทหารสูงสุดผู้เคยเดินทางและศึกษาทั่วสหรัฐอเมริกาเข้าใจดีว่า ญี่ปุ่นไม่มีทางเอาชนะสงครามที่ยืดเยื้อกับอเมริกาที่มีกำลังการรบที่แข็งแกร่งได้ แต่เขาก็ถูกดดันให้ต้องทำอะไรสักอย่าง และดูเหมือนว่าความหวังเดียวในครั้งนั้นคือการจู่โจมฐานทัพเรือ เพิร์ล ฮาเบอร์ ที่เป็นขุมกำลังทางทะเลที่แข็งแกร่ง และหวังว่าจะบังคับให้อเมริกาเข้าสู่การเจรจา
วันที่ 26 พฤศจิกายน 1941 ก่อนวันโจมตี 12 วัน กองทัพเรือญี่ปุ่นได้รวมตัวกัน โดยมีเรือพิฆาต 9 ลำ เรือรบ 2 รำ เรือลาดตระเวณ 3 ลำ เรือดำน้ำ 3 ลำ และเรือบรรทุกน้ำมัน 7 ลำ รวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน 6 ลำที่มีเครื่องบินรบอยู่บนนั้นมากถึง 400 ลำ นี่คือการโจมตีทางการอากาศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เวลา 6.00 น. ของเช้าวันที่ 7 ธันวาคม เครื่องบินจู่โจมชุดแรกรวม 183 ลำ และเครื่องบินทิ้งระเบิดเตรียมพร้อมบุกจู่โจมเพิร์ล ฮาเบอร์ทันที
กลุ่มนักบินรอรับคำสั่งสุดท้ายก่อนออกปฏิบัติการ
เครื่องบินจู่โจม A Zero บนเรือรบอาคากิ
กลุ่มนักบินกำลังมุ่งหน้าไปยังเครื่องบินรบของพวกเขา
ฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิด กำลังเตรียมตัวก่อนขึ้นบิน
กลุ่มลูกเรือยืนเป็นกำลังใจให้กับนักบิน ในการจู่โจมเพิร์ล ฮาเบอร์
เครื่องบินทะยานจากเรือบรรทุกเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
เวลา 7.40 น. มิตซูโอะ ฟูชิดะ ผู้บัญชาการฝูงบินระลอกแรก เห็นแล้วว่าไม่มีการเตรียมพร้อมป้องกันจากทางเพิร์ล ฮาเบอร์ เขาจึงส่งรหัสคำสั่ง “โทร่า โทร่า” กลับไปยังกองทัพเรือเพื่อเข้าจู่โจมทันที
เครื่องบินทิ้งระเบิดหลายลำทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ เรือ USS Arizona ถูกโจมตีด้วยระเบิด ซึ่งทำให้ลูกเรือกว่า 1,200 คนเสียชีวิต
ภาพของงการโจมตีเพิร์ล ฮาเบิร์ล ระลอกแรก จากมุมมองของเครื่องบินรบญี่ปุ่น
แม้ว่าทางอเมริกาจะช็อคกับการโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว แต่พวกเขาก็ตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มยิงปืนต่อสู้อากาศยานกลับทันที ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่การโจมตีระลอกสองของญี่ปุ่น ที่มาพร้อมเครื่องบิน 171 ลำ มาถึงเวลา 9.00 น.
แต่ดูเหมือนว่าจะสายเกินไป เวลา 9.45 น. การจู่โจมเสร็จสิ้น นักบินญี่ปุ่นบินกลับไปยังเรือบรรทุกเครื่องบินและประกาศชัยชนะทันที
ทหารอเมริกันและพลเรือนราว 2,403 คน เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ รวมไปถึงเรือที่จมลง 19 ลำ เครื่องบินถูกทำลาย 188 ลำ โดยมีจำนวนมากกว่าเครื่องบินที่ถูกยิงร่วงเพียง 29 ลำเท่านั้น รวมถึงเรือดำน้ำอีก 1 ลำพร้อมลูกเรือ 64 คนก็เสียชีวิตอีกด้วย
เซนูอิ อาเบะ หนึ่งในนักบินกล่าวว่า “เราพลาดจุดประสงค์หลักของเรา นั่นคือเรือบรรทุกเครื่องบิน เพราะมันอยู่กลางทะเล แต่พลเรือเอก นากูโมะ บอกว่าเราทำภารกิจลุล่วงแล้ว”
ถึงแม้มันจะเป็นการจู่โจมที่ยอดเยี่ยม แต่มันล้มเหลวในเชิงกลยุทธ์ คลังเชื้อเพลิง ท่าเรือ และสิ่งก่อสร้างอีกหลายที่ยังไม่ถูกทำลาย ความเสียหายของอเมริกาน้อยกว่าที่คาดไว้ และทำให้อเมริกาไม่ยอมเจรจากับญี่ปุ่นอีกต่อไป
ซาซูโอะ ซาคามากิ เชลยชาวญี่ปุ่นเพียงคนเดียว ที่ถูกจับได้จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น โดยเขาเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว ในเรือดำน้ำลาดตระเวณใกล้เพิร์ล ฮาเบอร์
มิตซูโอะ ฟูชิดะ 10 ปีให้หลังการโจมตี เพิร์ล ฮาเบอร์ เขาเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ และเดินทางไปอเมริกาและยุโรป เพื่อเป็นผู้สอนศาสนา
ทหารอเมริกันฝังศพนายทหารญี่ปุ่น พร้อมกับการไว้อาลัยอย่างมีเกียรติ
และเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้อเมริกาประกาศสงครามกับญี่ปุ่นในวันรุ่งขึ้นทันที ตามด้วยการเข้าสู่ภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเต็มตัว จนไปถึงสาเหตุของการทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ ที่เป็นสาเหตุให้คนญี่ปุ่นต้องสูญเสียอย่างไม่มีวันลืม
ที่มา : mashable | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจเพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
