ทับทิมเลือดนกพิราบ (Pigeon Red Ruby) คืออัญมณีที่มีความอิ่มตัวของสีแดงมากที่สุด และถือเป็นสุดยอดอัญมณีจากเมียนมาร์ที่นักสะสมต่างใฝ่ฝันจะได้มาครอบครอง
แต่คุณอาจไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินประมูลเป็นล้าน แต่เพียงแค่ใช้การ “ต้มไข่” บวกกับเวลาอีกสัก 2 ทศวรรษ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาที่คล้ายกันแบบนี้
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นางฝู หญิงสาวชาวจีนรายหนึ่งได้โพสต์ภาพถ่ายของไข่ต้มสีแดงที่ดูแปลกประหลาดบน Douban แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน และมันก็กลายเป็นกระแสอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน สื่อหลายสำนักของจีนได้ติดต่อไปหาเธอเกี่ยวกับที่มาของไข่ใบนี้ ซึ่งจุดเริ่มต้นของมันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ 20 ปีก่อน ตอนที่เธอยังเรียนอยู่ชั้นประถม
แม่ของนางฝูซื้อไข่ใบนี้มาให้กับเธอ เพราะมันมีขนาดเล็กกว่าปกติ และตัดสินใจต้มไข่เพื่อให้เธอไปกินที่โรงเรียน นางฝูเก็บไข่ใบนี้เอาไว้ในกระเป๋าด้านข้างกระเป๋าเป้ แต่เธอก็ลืมทิ้งมันไว้นานถึง 3 วันก่อนที่เธอจะคิดว่ามันน่าจะเสียแล้ว
นางฝูรู้สึกเสียดายที่จะทิ้งไข่ใบน้อยลงถังขยะ ดังนั้นเธอจึงวางมันไว้บนหลังตู้เย็นและก็ลืมมันอีกครั้ง
จนเวลาผ่านไปนานหลายเดือน แม่ของนางฝูพบไข่ใบนี้อีกครั้ง คราวนี้สีของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอจึงตัดสินใจเก็บมันไว้ในกล่องเครื่องประดับเล็ก ๆ แทนที่จะโยนทิ้งไป
หลายปีผ่านไป นางฝูย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ของเธอและลืมไข่ใบนี้ไปอย่างสิ้นเชิง จนพ่อแม่ของเธอพบมันอีกครั้งตอนทำความสะอาดบ้าน คราวนี้ไข่สีแดงสดไม่เพียงแต่มีสภาพเหมือนฟอสซิลมากขึ้นเท่านั้น แต่มันยังมีพื้นผิวที่เรียบเนียนราวกับอัญมณี โดยที่มีรอยร้าวเล็ก ๆ อยู่ทั่วไข่
ภาพถ่ายของไข่ใบนี้สร้างความประทับใจให้กับชาวเน็ตอย่างมาก บางคนเรียกมันว่า “ไข่ฟาโรห์” หรือ “ไข่ทับทิม” แถมสีสันของมันยังดูราวกับ “ทับทิมเลือดนกพิราบ” ที่เป็นอัญมณีอันล้ำค่าอีกด้วย
ในขณะที่บางคนสงสัยว่าทำไมมันถึงไม่เน่า นางฝูเองก็ไม่มีคำตอบให้กับเรื่องนี้ เธอแค่สันนิษฐานว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นและแห้งในฤดูหนาวของบ้านเกิดเธอ อาจคงสภาพไข่ให้ยังดูดีอยู่ก็เป็นได้
ที่มา: odditycentral