ทะเลทรายเมน จากผืนทรายเท่าจานข้าวจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร

ทะเลทรายเมน (Desert of Maine) พื้นที่ประมาณ 101 ไร่ที่ใกล้กับเมืองฟรีพอร์ต ที่เป็นสิ่งแปลกประหลาดทางธรณีวิทยา เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ผสมผสานกับฝีมือมนุษย์ จนทำให้มันกลายเป็น “ปรากฎการณ์ธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัฐเมน”

ในความเป็นจริงแล้ว ทะเลทรายเมนไม่ใช่ทะเลทรายที่แท้จริง เพราะที่รัฐเมนมีฝนตกมากเกินไป แถมพืชพรรณโดยรอบยังสามารถรุกล้ำเข้าไปในเนินทรายที่แห้งแล้งได้

ต้นกำเนิดของผืนทรายในธารน้ำแข็ง

ย้อนกลับไปในปลายยุคน้ำแข็งล่าสุดเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ผืนดินในทวีปแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งลอเรนไทด์ที่มีความหนามากถึง 3,000 เมตร ยอดเขาสูงต่าง ๆ ถูกฝังอยู่ใต้น้ำแข็ง น้ำหนักมหาศาลได้ผลักให้ดินแดนชายฝั่งของรัฐเมนลงไปต่ำกว่าระดับน้ำทะเลซึ่งอาจมากถึง 175-245 เมตร

หลังจากน้ำแข็งเริ่มละลาย แผ่นดินรัฐเมนเริ่มฟื้นตัวสู่ระดับน้ำทะเลเมื่อประมาณ 13,500 ปีก่อน “ทะเลทรายเมน” ที่อยู่ใต้คลื่นก็ปรากฎออกมา มันกลายเป็นอ่างที่ตะกอนทรายถูกพัดมาทับถมกัน จนกระทั่งพืชพรรณในยุคแรกเริ่มถือกำเนิดขึ้นจนเติบโตเป็นป่า กลายเป็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ปกคลุมผืนทรายที่อยู่ข้างใต้เอาไว้

แต่มนุษย์เราก็นำทรายกลับมาสู่พื้นผิวอีกครั้ง

ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1797 วิลเลียม ทุตเทิล ได้ตัดสินใจซื้อที่ดิน 758 ไร่ ที่อยู่ใกล้กับเมืองฟรีพอร์ต เขาใช้ที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ทำไร่ สร้างผลิตผลทางการเกษตร และเริ่มทำฟาร์มปศุสัตว์ ให้กับครอบครัวของเขา

ต่อมาลูกหลานของวิลเลียมได้เริ่มทำธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น เช่นการเลี้ยงแกะ และขายขนแกะให้กับโรงงานทอผ้า

ในขณะที่ครอบครัวทุตเทิลไม่ได้หมุนเวียนพืชผลอย่างเหมาะสม การทำฟาร์มของพวกเขาทำให้สารอาหารที่จำเป็นในดินหมดไป เมื่อรวมกับการเลี้ยงแกะจำนวนมากที่กินหญ้าและพืชผลของพวกเขาที่ยึดกับหน้าดิน ส่งผลให้ชั้นดินด้านบนพังทลายลง

เมื่อสิ่งต่าง ๆ แย่ลงเรื่อย ๆ วันหนึ่ง ครอบครัวทุตเทิลสังเกตเห็นทรายผืนเล็ก ๆ ขนาดประมาณจานอาหารค่ำบนผืนดินของพวกเขา ซึ่งพวกเขาไม่เคยรู้เลยว่านี่คือจุดเริ่มต้นของจุดจบที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

แม้จะพยายามต่อสู้กับขยายตัวของผืนทรายเล็ก ๆ แต่มันก็ยังคงขยับขยายกินพื้นที่กว้างออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันกลืนกินทุ่งหญ้า ไร่ และฟาร์มทั้งหมดที่พวกเขาสร้างขึ้นมากับมือ

สุดท้ายครอบครัวทุตเทิลไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องทิ้งบ้านและไปแสวงโชคเอาดาบหน้า ส่วนผู้คนต่างขนานนามผืนดินแห่งนี้ว่าเป็น “ฟาร์มทราย”

เมื่อฟาร์มทรายกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร

ต่อมาในปี ค.ศ.1919 ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า เฮนรี โกลดรุป ตัดสินใจเข้าซื้อฟาร์มทะเลทรายแห่งนี้ในราคาเพียง 400 เหรียญ และภายในเวลาไม่กี่ปี เขาก็เปิดให้สาธารณะชนเข้าเยี่ยมชมจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร

ตามรายงานระบุว่า ความพยายามที่จะต่อสู้กับทะเลทรายได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไร้ประโยชน์ บ้านพักที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1935 ตอนนี้จมอยู่ใต้ผืนทรายถึง 2.4 เมตร

ต้นสนบางต้นที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับพื้นที่นี้ได้ก็เหลือเพียงแต่ยอดที่โล่งเตียนเท่านั้น เนื่องจากลำต้นที่เหลือถูกฝังอยู่ใต้ทรายและตะกอนดินที่ลึกถึง 15.2 เมตร

ทะเลทรายเมนจึงกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักในรัฐเมน แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนให้กับผู้คนว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นหากที่ดินได้รับการจัดการอย่างไม่ถูกต้อง

ส่วนทะเลทรายเมนในปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในฐานะการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง ที่คุณสามารถพบร้านค้าขายของที่ระลึก พิพิธภัณฑ์ทราย และพิพิธภัณฑ์ฟาร์มบนที่ดินผืนนี้

ที่มา : wikipediaodditycentral | เรียบเรียงโดย เพชรมายา