“Nobody wants to work anymore.” หรือ “ไม่มีใครต้องการทำงานอีกแล้ว” เป็นวลีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในสังคมอเมริกันในปัจจุบัน และคุณอาจเห็นป้ายที่ติดข้อความนี้ทั่วอเมริกา ในขณะที่บางคนกล่าวว่า “รัฐบาลจ่ายเงินให้กับคนว่างงานมากกว่าที่ได้รับจากค่าแรงขั้นต่ำ” หรือ “ไม่มีใครอยากทำงานเพราะไม่อยากถูกเอาเปรียบอีกแล้ว” สิ่งเหล่านี้สะท้อนหลายสิ่งหลายอย่างในสังคมการจ้างงานของอเมริกาแทบทั้งสิ้น
แต่มันจริงหรือไม่ที่ผู้คนไม่ต้องการหางานทำอีกแล้ว โจอี โฮลส์ ได้ตัดสินใจทำการทดลองบางสิ่งบางอย่างเพื่อพิสูจน์ในสิ่งที่เขากำลังสงสัย
“ผมตัดสินใจทำการศึกษาเนื่องจากผมได้ยินเสมอเกี่ยวกับประโยคที่ว่า ‘ไม่มีใครอยากทำงานอีกแล้ว’ มีแต่คนจ้างแต่กลับไม่สามารถหาคนทำงานได้” โจอีกล่าว
“ผมได้ทดลองสมัครงานวันละ 2 แห่ง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนโดยเลือกงานที่ถูกโพสต์หาพนักงานจากกลุ่มท้องถิ่นใน Facebook ซึ่งเป็นกลุ่มที่บรรดาเจ้าของธุรกิจกำลังบ่นถึงความยากลำบากในการหาพนักงาน”
จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของเดือนกันยายน โจอีกล่าวว่า เขาได้รับคำตอบทางอีเมลจากร้าน 16 แห่ง เขาได้พูดคุยโทรศัพท์กับ 4 ใน 16 แห่ง และถูกเรียกสัมภาษณ์เพียง 1 แห่งเท่านั้น นั่นเป็นผลลัพธ์ทั้งหมดที่เขาได้หลังจากยื่นใบสมัครไปเกือบ 60 แห่งด้วยกัน
“นี่น่าขันที่สุดคือ งานเดียวที่ผมได้สัมภาษณ์ถูกเสนอค่าจ้างเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ และเมื่อผมบอกว่ามันแปลกนะเพราะในประกาศบอกว่าค่าจ้างเริ่มต้น 10 เหรียญต่อชั่วโมง แต่พวกเขาบอกว่าจะเป็น 10 เหรียญเมื่อมีการขึ้นค่าจ้างจากค่าแรงขั้นต่ำ โดยผมจะได้เริ่มต้นที่ 8.65 เหรียญ” โจอีกล่าว
“เมื่อผมถามว่าจะได้ทำงานเฉลี่ยสัปดาห์ละกี่ชั่วโมง พวกเขาบอกว่าประมาณ 20 ชั่วโมง ผมแปลกใจมากเพราะในโฆษณาบอกว่าจะได้ทำงาน Full-time แต่พวกเขาบอกว่าจะได้ทำงาน Full-time ได้หลังจาก 6 เดือนไปแล้วตามผลงาน”
“ธุรกิจเหล่านี้มีการจ้างงานจริงหรือไม่ หรือนั่นเป็นเพียงโฆษณาบนอินเทอร์เน็ต พวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลือจริงหรือ
“เสียงโอดครวญของพวกเขาบน Facebook แต่จากงานสัมภาษณ์ 1 ครั้ง (ที่ค่าจ้างและชั่วโมงการทำงานถูกบิดเบือน) หลังจากยื่นใบสมัครไป 58 แห่ง บ่งบอกได้ว่าพวกเขาคุณได้สิ้นหวังกับการหาพนักงานหรอก คุณแค่กำลังมองหาทาสของคุณเท่านั้น”
“ข้อมูลนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนของตลาดรับสมัครงานทั้งหมด ผมแค่พุ่งเป้าไปยังกลุ่มคนบางกลุ่มที่เสียงดังมากกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เฉพาะในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเท่านั้น” โจอีกล่าว
ซึ่งเป้าหมายของเขาคือการไปสมัครงานยังเจ้าของร้านที่ร้องว่า ‘ไม่มีใครอยากทำงาน’ ในหมวดค่าแรงระหว่าง 8.65 ถึง 12 เหรียญ ซึ่งไม่ได้นำตำแหน่งงานมาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
โพสต์ของโจอีบนเฟสบุ๊คได้กลายเป็นกระแสอย่างรวดเร็ว โดยมีคนแชร์ต่อไปถึง 18k ครั้ง และหลายคนต่างมาถกเถียงกันถึงเรื่องปัญหาการจ้างงานในอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของปัญหาการหางานทำที่ยากมาก และปัญหาการถูกกดค่าแรงของนายจ้างจนไม่สามารถทนทำงานได้อีกต่อไป
ที่มา : facebook | เรียบเรียงโดย เพชรมายา