นักข่าวสาวญี่ปุ่นสำรวจอุโมงค์ที่แคบที่สุด พร้อมประสบการณ์หลอนที่น่าขนลุก

ทุกคนคงคุ้นเคยกับอุโมงค์ตามท้องถนนกันเป็นอย่างดี แต่สำหรับอุโมงค์ที่เราจะพาคุณไปชมต่อไปนี้กลับต่างออกไป เพราะมันจะไม่เหมือนอุโมงค์ไหน ๆ ที่คุณเคยเห็นมาก่อน

อุโมงค์ดังกล่าวตั้งอยู่นอกเส้นทางเมืองคาเคกาวะที่มีชื่อเสียงในการทำไร่ชาในจังหวัดชิซูโอกะ โดยเป็นอุโมงค์ที่จะพาคุณทะลุไปยังภูเขาอีกด้าน ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามีอุโมงค์แห่งนี้อยู่ด้วย เพราะมันไม่ใช่เส้นทางสัญจรหลักแต่อย่างใด

ฮารุกะ ทาคากิ นักข่าวสาวจาก Soranews24 ตัดสินใจเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์เพื่อไปสำรวจอุโมงค์แห่งนี้ด้วยตัวเอง สำหรับเส้นทางที่ต้องเดินไปมีความแคบมากจนรถยนต์ไม่สามารถเดินทางไปต่อได้

ฮารุกะต้องเดินทางไปอีกประมาณ 200 เมตร ต้นไม้ที่อยู่รายรอบก็เริ่มหนาแน่นขึ้น อากาศรอบตัวเธอค่อย ๆ เย็นลงเรื่อย ๆ

และเมื่อถึงอุโมงค์ เธอก็ต้องตกใจเล็กน้อย เพราะทางเข้ามันดูประหลาดและคับแคบอย่างบอกไม่ถูก จึงไม่น่าแปลกใจที่มันได้ชื่อว่าเป็นอุโมงค์โดยสารที่แคบที่สุดในญี่ปุ่น

ฮารุกะตัดสินใจขับมอเตอร์ไซค์ผ่านเข้าไปในอุโมงค์ทันที ทันใดนั้นเธอรู้สึกว่าผนังโค้ง ๆ ที่คับแคบรอบตัวเธอทำให้เธออึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

ความประหลาดของอุโมงค์นี้ก็คือ ความชันของถนนข้างในอุโมงค์ที่ชัมากขึ้นเรื่อย และเมื่อถึงจุดหนึ่งผนังอุโมงค์รอบ ๆ ก็กลายเป็นหิน และมีบางช่วงเพดานก็ต่ำมากจนรู้สึว่ามันเป็นอันตรายกับผู้ขับขี่ไม่น้อย แต่ความโล่งใจก็เกิดขึ้นเมื่อเธอขับเข้าไปใกล้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

ฮารุกะออกจากอุโมงค์มาได้สำเร็จพร้อมกับความรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตที่อยู่อีกฝั่ง มันดูเหมือนกับทะลุมาอีกมิติหนึ่ง เ เธอจอดรถเอาไว้เพื่อทำใจสักครู่ ก่อนที่จะตัดสินใจเดินเท้าเข้าไปสำรวจภายในอุโมงค์แห่งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง

อุโมงค์แห่งนี้มีป้ายเขียนชื่อของมันเอาไว้ว่า “อิวายะซุยโด” หรือแปลเป็นภาษาไทยคือ “อุโมงค์ผาหิน” ซึ่งด้านที่เธอทะลุออกมาอีกฝั่งมันดูเหมือนถ้ำมากกว่าอุโมงค์ รวมถึงมีตะไคร่ขึ้นรอบ ๆ อีกด้วย

ย้อนกลับไปจากด้านหลังจะเห็นว่านี่คืออุโมงค์หินดี ๆ นี่เอง

ป้ายเตือนตรงทางเข้าก็ระยุว่า ความสูงของพาหนะที่สูงเกิน 1.7 เมตรหมดสิทธิ์เข้าไปแน่นอน

นอกจากนั้น หินภายในอุโมงค์ยังถูกแกะสลักเป็นรูปใบหน้า และตัวอักษรคันจิของภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า “หิน” ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากคนงานที่สร้างมันขึ้นมา ไม่น่าใช่ฝีมือชนเผ่าในยุคโบราณแต่อย่างใด

ฮารุกะตัดสินใจเปิดไฟฉายและเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ เสียงฝีเท้าของเธอก้องกังวล ความร้อนก็เริ่มอบอ้าว ฝุ่นก็ถูกพัดผ่านอยู่ภายใน จนกระทั่งเธอได้พบกับมีช่องว่างที่อยู่ด้านข้างของผนังอุโมงค์ด้วย

ช่องว่างที่อยู่ด้านข้าง น่าจะถูกสร้างมาเพื่อให้ผู้คนเดินเท้าสามารถหลบเลี่ยงรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับเข้ามาข้างใน

และมันก็เชื่อมต่อมายังห้องว่างที่มีขนาดใหญ่โต พร้อมกับป้ายที่เขียนว่า “ขวด (หรือสีอื่น ๆ)” ซึ่งป้ายประเภทนี้มักถูกใช้เป็นจุดแยกขยะรีไซเคิล โดยให้คุณแยกขวดเบียร์สีน้ำตาลและขวดแก้วสีอื่น ๆ ออกจากขวดแก้วใส แต่เธอก็ไม่รู้ว่าป้ายนี้มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร มันอาจเป็นการล้อเล่นของใครบางคนก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม มีสิ่งแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเธอที่นี่ เพราะไม่ว่าเธอจะพยายามถ่ายรูปตัวเองกี่ครั้งก็ตาม แฟลชกลับไม่ทำงานเสียดื้อ ๆ ฮารุกะไม่ใช่คนเชื่อเรื่องผีและวิญญาณ แต่ก็อดกลัวไม่ได้ เพราะมีเธอคนเดียวที่อยู่ในถ้ำแห่งนี้

ฮารุกะรีบเดินต่อมาก็พบว่า หินบางส่วนที่ยื่นออกมามีการพ่นสีสะท้อนแสงเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครไปชนมันเข้า

เธอเดินกลับมาจนถึงช่วงต้นอุโมงค์ที่มีลักษณะเป็นท่อโลหะตรง และมีผนังเป็นคลื่นรูปทรงแปลก ๆ ในแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

จนกระทั่งถึงทางเข้าอุโมงค์ ฮารุกะถ่ายภาพตัวเองได้สำเร็จ

ด้วยสัญชาตญาณของนักข่าว เธอจึงติดต่อไปยังแผนกการท่องเที่ยวของเมืองคาเคะกาวะ เพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุโมงค์แห่งนี้ แต่พวกเขาไม่สามารถให้คำตอบเธอได้ ดังนั้นเธอจึงติดต่อไปยังหอสมุดกลางของเมือง จนเธอได้พบกับข้อมูลของอุโมงค์แห่งนี้ในที่สุด

อ้างอิงจากข้อมูลระบุว่า อุโมงค์แห่งนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1884 หรือประมาณ 137 ปีมาแล้ว ทางออกทางทิศตะวันตก (ฝั่งที่เป็นหิน) มีสภาพทางธรณีวิทยาที่อ่อนนุ่ม แต่ทางออกทิศตะวันออก (ฝั่งอุโมงค์โลหะ) เป็นหินแข็งยากที่ก่อสร้างได้ยากกว่า

จากสภาพแวดล้อมดังกล่าวทำให้คนงานต้องขุดพื้นฝั่งตะวันออกลงไปให้ลึกกว่าเดิม นั่นเป็นสาเหตุให้อุโมงค์มีความลาดชันขึ้นไปยังฝั่งตะวันตก ส่วนทางเข้าที่เป็นท่อโลหะที่ทันสมัยกว่าถูกสร้างขึ้นมาภายหลังทางฝั่งตะวันออกในปี ค.ศ. 1970

ส่วนห้องที่อยู่ภายในอุโมงค์ แต่เดิมทีเคยเป็นงานก่อสร้างบ่อน้ำเก่า แต่เท่าที่ฮารุกะเห็นก็คือ ไม่มีอะไรที่เหมือนกับบ่อน้ำเลยสักนิดเดียว แต่สิ่งที่ทำให้เธอขนลุกก็คือ ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อกันมาอย่างยาวนานว่า “ดวงวิญญาณจะอยู่อาศัยรอบ ๆ แหล่งน้ำ” หรือมันอาจเป็นสาเหตุที่แฟลชบนกล้องเธอไม่ทำงานกะทันหัน

และไม่ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับวิญญาณหรือไม่ก็ตาม การมาสำรวจอุโมงค์แปลก ๆ ครั้งนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่เธอจะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน

ที่มา : soranews24 | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ