หญิงสิงคโปร์วัย 67 เข้าร้านทำเล็บรอบเดียวเสียเงินกว่า 2.7 แสนบาท

คุณคิดว่าการเดินเข้าไปในร้านทำเล็บครั้งหนึ่งจะต้องเสียเงินเป็นจำนวนเท่าไหร่ แน่นอนว่าราคาที่คุณคิดไม่อาจเทียบได้เลยกับเรื่องราวต่อไปนี้

เมื่อเร็ว ๆ นี้ หญิงชาวสิงคโปร์วัย 67 ปีรายหนึ่งได้ใช้จ่ายเงินกว่า 80,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 1.98 ล้านบาท) สำหรับการไปใช้บริการดูแลเล็บที่ร้าน Nail Palace มาตั้งแต่ปี 2019

ในขณะที่การไปใช้บริการครั้งหนึ่ง เธอเดินออกมาพร้อมกับใบเสร็จที่มีค่าบริการสูงถึง 11,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 2.7 แสนบาท) ซึ่งคาดว่าเป็นเพราะกลยุทธ์การขายแบบ Hard Sell ของทางร้านและแพ็กเกจราคาที่แพงเกินไป

ไม่ซื้อแพ็กเกจ ไม่ได้ออกจากร้าน

ในขณะที่ร้าน Nail Palace ถือเป็นร้านดูแลเล็บขนาดใหญ่ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2002 โดยมีสาขามากถึง 26 แห่ง โดยส่วนใหญ่มักอยู่ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง เช่น Jurong Point, AMK Hub และ Northpoint City

นาย Loh ลูกชายของหญิงคนดังกล่าวได้เขียนจดหมายร้องสื่อสิงคโปร์ที่ชื่อว่า Mothership หลังจากพบว่าแม่ของเขาถูกเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตมากกว่า 80,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2019 ที่ Nail Palace

ตัวอย่างใบเสร็จจากการไปใช้บริการที่ Nail Palace

“เมื่อผมถามแม่ว่า แม่คิดอย่างไรเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินราคาแพงที่ร้าน Nail Palace แม่บอกผมว่าพนักงานจะไม่ยอมให้เธอออกจากร้านถ้าเธอไม่ซื้อแพ็กเกจของพวกเขา” นาย Loh กล่าว

เมื่อแม่ของเขาบอกว่าเธอไม่มีเงินพอจะจ่ายได้ พนักงานก็จะอธิบายว่าบริการของพวกเขานั้นไม่แพงเมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตที่สามารถผ่อนได้นาน 12 เดือน

“พวกเขายังโทรหาแม่อีกหลายครั้งเพื่อมาวุ่นวายกับแม่ และขอให้แม่กลับไปที่ร้าน” Loh กล่าว

แม้ว่าร้านทำเล็บดังกล่าวจะถูกปิดให้บริการเกือบทั้งปี 2020 และนาย Loh กล่าวว่า แม่ของเขายังถูกกดดันให้ซื้อแพ็กเกจเพิ่ม

Loh กล่าวกับ Mothership ว่า แม่ของเขาที่ทำงานด้านการเงิน มาทำเล็บที่ร้าน Nail Palce ประมาณ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ก่อนและในระหว่างการแพร่ระบาดครั้งใหญ่

เนื่องจาก Nail Palace เป็นที่ยอมรับในสิงคโปร์และมีสาขามากมายใจกลางเมือง Loh กล่าวว่าแม่เชื่อว่าพวกเขาเป็นร้านที่น่าเชื่อถือและไม่ได้สงสัยอะไรเลย

ปัญหาค่าบัตรเครดิต

แต่ปัญหาก็คือในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดทำให้แม่ของ Loh ประสบปัญาด้านรายได้จนไม่สามารถจ่ายเงินค่าบัตรเครดิตได้ รวมถึงเธอเพิ่งป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง

“แม่รู้สึกหลงทางและสับสนว่าทำไมตัวเองถึงสร้างหนี้ค่าทำเล็บในบัตรเครดิตเอาไว้เยอะขนาดนี้ และแม่กำลังมองหาวิธีที่จะยุติวงจรอุบาทว์นี้” Loh กล่าว

นอกจากนั้นลูกชายยังได้เปิดเผยใบเสร็จจากทางร้านที่เรียกเก็บเงินค่าบริการที่สูงถึง 11,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 2.7 แสนบาท จากการไปที่ร้านเพียงครั้งเดียว

ใบเสร็จดังกล่าวลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2021 ที่มีค่าบริการหลายอย่างเป็นจำนวนหลายครั้ง Loh กล่าวว่า เขาพบว่าราคาที่ Nail Palace สูงเกินไปและเป็นการฉ้อโกง

“ผมตกใจมากที่ร้านทำเล็บที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพยายามโกงเงินแม่ของผมด้วยการขายบริการทำเล็บราคาแพงเกินจริงตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา” Loh กล่าว และเขาวางแผนที่จะยื่นเรื่องนี้ต่อตำรวจและองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคของสิงคโปร์ต่อไป

การชี้แจงของร้าน Nail Palce

แม่ของ Loh คือ VIP และลูกค้าประจำของทางร้านซึ่งเธอจะเดินทางมาที่ร้านอย่างน้อยเดือนละครั้ง ซึ่งพวกเขาระบุว่าไม่ได้วุ่นวายกับเธอ แต่พวกเขาให้ความสำคัญกับลูกค้า VIP ด้วยการโทรไปนัดหมายเพื่อให้กลับมาใช้บริการในแพ็กเกจที่ซื้อไป

Nail Palace กล่าวว่า “เนื่องจากการระบาดใหญ่นี้ ตารางการให้บริการในร้านจึงแน่นมาก และเราขาดกำลังคนมาก ดังนั้น เราจะโทรหาลูกค้า VIP ของเราทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาได้กำหนดเวลานัดหมายไว้”

ส่วนในกรณีข้อกล่าวหาที่บอกว่า แม่ของ Loh ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากร้านถ้าไม่ซื้อแพ็กเกจ ทาง Nail Palace กล่าวว่า

“เราเชื่อว่าอาจมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น ร้านของเราค่อนข้างเล็ก ดังนั้นเราจึงไม่สามารถรองรับลูกค้าจำนวนมากในร้านได้ หากลูกค้าทุกคนมาที่ร้านและไม่ได้ออกไปเพราะไม่ซื้อแพ็กเกจ ร้านเราจะไม่มีพื้นที่รองรับสมาชิกกว่า 600,000 คนได้อย่างแน่นอน”

ยิ่งในช่วงของการเว้นระยะห่าง พื้นที่ภายในร้านจะต้องได้รับการจัดสรรให้กับลูกค้าทุกคนที่มาใช้บริการ ดังนั้นลูกค้าแต่ละรายจะอยู่ในร้านได้ไม่นานนัก

Nail Palace ยังกล่าวอีกว่า “แม่ของ Loh มาใช้บริการกับทางร้านมากกว่า 2 ปีแล้ว เธอชอบบริการและผลิตภัณฑ์ของทางร้านอย่างแน่นอน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอไม่เคยยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการหรือขอเงินคืนเลย”

เกี่ยวกับเรื่องราคาที่ร้าน Nail Palace กล่าวว่า จำนวนเงินนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะค่าผลิตภัณฑ์เท่านั้น มันเป็นช่วงเวลาตลอดเข้ารับบริการที่เรามอบให้พร้อมกับการใช้ผลิตภัณฑ์

การร้องเรียนจากลูกค้าคนอื่น

หลังจากที่เรื่องนี้กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ ก็มีลูกค้าหลายคนที่ออกมาแบ่งปันประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันในเรื่องของรูปแบบการขายที่ Hard Sell และแพ็กเกจที่มีราคาแพงเกินจริง

หนึ่งในลูกค้ารายหนึ่งกล่าวว่า เธอเข้ามาใช้บริการธรรมดา ๆ ที่ร้าน Nail Palace แต่สุดท้ายมันกลายเป็นแพ็กเกจที่มีราคาสูงถึง 8,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 1.98 แสนบาท

ในขณะที่ลูกค้ารายหนึ่งถูกกดดันในซื้อแพ็กเกจเพิ่ม และออกจากร้านทำเล็บไปหลังจากจ่ายเงินไปถึง 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 2.47 แสนบาท

ในขณะที่ทางร้าน Nail Palace ตอบโต้ประเด็นเหล่านี้ว่าเป็นสิ่งที่พวกเขา “ช่วยไม่ได้” ซึ่งนอกจากคำร้องเรียนแล้ว พวกเขายังได้รับคำวิจารณ์ดี ๆ จากลูกค้าอีกมากมายเช่นกัน

ที่มา : mothership | เรียบเรียงโดย เพชรมายา