ตำนานนายพลผู้ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเยือกแข็งฝ่าดงกระสุนปืนใหญ่จากศัตรู

ย้อนกลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สื่อหลายสำนักได้พาดหัวในทำนองที่คล้ายกันว่า “แพตตันว่ายข้ามแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็งภายใต้การถูกกระหน่ำยิงจากทหารเยอรมัน”

ว่าแต่ แพตตัน คือใคร ?

พลเอก จอร์จ สมิธ แพตตัน คือพลเอกแห่งกองทัพบกสหรัฐ ที่ได้บัญชาการในกองทัพสหรัฐที่ 7 ในเขตเมดิเตอร์เรเนียนในสงครามโลกครั้งที่สอง และกองทัพสหรัฐที่ 3 ในฝรั่งเศสและเยอรมนี ภายหลังจากฝ่ายสัมพันธมิตรบุกครองนอร์ม็องดีในเดือนมิถุนายน 1944

แน่นอนว่าเขาคือหนึ่งในนายพลที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนั้น และชื่อของเขามักไปปรากฎอยู่บนหน้าสื่อบ่อยครั้ง ทั้งจากผลงานการรบ รวมถึงวีรกรรมที่เขาได้สร้างเอาไว้อย่างน่าเหลือเชื่อ

ในเดือนมีนาคม 1945 พลเอกวัย 64 ปีได้กลายเป็นหัวข้อข่าวอีกครั้ง จากการที่เขาว่ายน้ำข้ามแม่น้ำชัวร์ภายใต้อุณหภูมิที่เย็นจัดจนแม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ภายใต้การถูกกระหน่ำยิงจากกองทัพเยอรมนี

ในช่วงเวลานั้นเองชื่อเสียงของเขาได้กลายเป็นตำนานไปแล้ว จากการที่เขาพิชิตรัฐฝรั่งเศส (Vichy French) ในโมร็อกโก ฝ่ายผลักดันฝ่ายอักษะออกจากซิซิลี โดยการทำลายกองทัพเยอรมนี 2 กองทัพ และช่วยปลดปล่อยทหารอเมริกันที่ถูกปิดล้อมในบัสตอญที่เบลเยียม

นับตั้งแต่เขาได้นำกองทหารยกพลขึ้นบกในแอฟริกาเหนือในพฤศจิกายน 1942 แพตตันได้ทำการจู่โจมแบบสะเทินน้ำสะเทินบกไปถึง 5 ครั้ง และข้ามแม่น้ำมานับไม่ถ้วน

แต่เหตุการณ์ว่ายข้ามแม่น้ำชัวร์ได้ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของเขาเข้าไปอีก

ตำนานว่ายข้ามแม่น้ำชัวร์เกิดขึ้นในวันที่ 19 มกราคม 1945 จากคำบอกเล่าระบุว่า แพตตันถอเสื้อผ้าของเขาเพื่อว่ายข้ามแม่น้ำชัวร์ที่กว้างประมาณ 150 ฟุตแบบไปกลับ และนั่นก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับกองทหารของเขาอย่างแท้จริง

จ่าสิบเอก โทมัส เจ. เดฟิบอห์ หนึ่งในพยานกล่าวว่า “มีหิมะตกประมาณ 1 ฟุตบนพื้นดินเมื่อเราเดินไปถึงแม่น้ำชัวร์ ที่ไหนสักแห่งใกล้กับจุดนัดพบบริเวณชายแดนลักเซมเบิร์ก เยอรมนี และเบลเยียม”

“เราต้องยึดฝั่งตรงข้ามของเมืองเบตเตนดอร์ฟและทำมันให้เร็วที่สุด พวกเยอมันเริ่มยิงปืนและปืนใหญ่ใส่เราเมื่อเราเดินทางมาถึงริมฝั่งแม่น้ำ ก่อนรุ่งสาง พวกเราเริ่มข้ามแม่น้ำกันด้วยเรือที่บรรทุกคนได้แค่ 3 คน น้ำในแม่น้ำเชี่ยวและเย็นมากและมีชิ้นส่วนของน้ำแข็งลอยอยู่เต็มไปหมด”

“ผ่านไปครู่หนึ่ง นายพลแพตตันได้เรียกเรือกลับมาและสั่งให้ทุกคนว่ายน้ำข้ามไปพร้อมกับปืนไฟเฟิล บาซูกา และทุกสิ่งที่พวกเขาจะขนไปได้ เพราะการนั่งบนเรือจะตกเป็นเป้าได้ง่ายกว่า”

“เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราทำได้และเป็นแรงบันดาลใจให้กับกองทหาร นายพลแพตตันกระโดดลงไปในน้ำ ว่ายไปถึงฝั่งตรงข้ามแล้วก็ว่ายกลับมา จากนั้นทหารนับพันก็ว่ายตามเขาไป”

เดฟิบอห์สรุปว่า ทหารต่อสู้ ‘เหมือนคนบ้า’ และยึดเบตเตนดอร์ฟได้สำเร็จ หลังจากการต่อสู้อย่างขมขื่นมาตลอดวันครึ่ง

ในอดีต แพตตันมีร่างกายที่แข็งแกร่งเนื่องจากการเป็นนักกีฬาปัญจกีฬาสมัยใหม่ของโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1912 ซึ่งเขาเชี่ยวชาญทั้งการว่ายน้ำ ฟันดาบ และขี่ม้า แต่ในช่วงเวลาที่เขาสร้างตำนานดังกล่าว ถือเป็นช่วงที่เขามีอายุได้ 64 ปี แล้ว ดังนั้นจึงมีทหารจำนวนหนึ่งที่ไม่เชื่อเรื่องนี้

จอร์จ แพตตัน (ขวา) ในสมัยลงแข่งปัญจกีฬาในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1912

จริง ๆ แล้วยังมีพยานอีก 2 รายที่ออกมาพูดถึงความกล้าหาญของนายพลแพตตัน ซึ่งยืนยันว่าเขาได้ว่ายข้ามแม่น้ำจริง

สิบโท เอ็ดเวิร์ด โดเฮอร์ตี คือพยานอีกคนที่ออกมากล่าวว่า “ผมไม่มีวันลืมวันที่พวกเราอยู่บนฝั่งในขณะที่คุณว่ายข้ามแม่น้ำนั้นเลย การเฝ้าดูคุณมันน่าตื่นเต้นจริง ๆ และเมื่อคุณแน่ใจว่าปลอดภัย เราทุกคนก็ตามคุณไป”

ส่วนพยานรายที่ 3 คือทหารช่าง เฟรเดอริก จอห์นสัน ถึงแม้ว่าเขาจะกล่าวชื่อแม่น้ำผิดเป็นแม่น้ำโมเซล แต่ก็เล่าถึงเหตุการณ์ที่คล้ายกันว่า ในขณะที่พวกเขากำลังจะข้ามสะพาน พวกเยอรมันก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับถล่มสะพานจนพังราบ

“นายพลแพตตันปรากฎตัวขึ้น เขามองและถามว่าปัญหาคืออะไร เราบอกว่าปัญหาคือพวกเยอรมันระเบิดสะพานทิ้งไปแล้ว เขาก็ตอบว่า โอเค ผมเข้าใจแล้ว” จอห์นสันเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในวันนั้น

“สิ่งที่เขาทำก็คือถอดสายคาดปืนและเสื้อคลุมสีเทาของเขาออก จากนั้นก็ลงไปที่แม่น้ำที่มีน้ำแข็งลอยอยู่ เขาว่ายข้ามไปและข้ามกลับ จากนั้นก็ถามว่า ตอนนี้มีปัญหาอะไรอีกไหม”

ตำนานการว่ายข้ามแม่น้ำชัวร์ของนายพลแพตตันเป็นที่กล่าวขานในหมู่ทหารมาอย่างยาวนาน อาจไม่ได้มีผู้ที่เชื่อในเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่จากคำบอกเล่าของพยานทั้ง 3 คน แม้จะมีข้อบกพร่องเรื่องสถานที่ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่า นายพลแพตตันได้สร้างตำนานของเขาเอาไว้ที่ไหนสักแห่งในแม่น้ำชัวร์ของลักเซมเบิร์กอย่างแน่นอน

ที่มา: history.army