เราเคยพูดถึงเกี่ยวกับทะเลสาบแปลก ๆ บนโลกนี้มามากมาย แต่คุณอาจยังไม่เคยได้อ่านเรื่องราวของ “ทะเลสาบพีระมิด” (Lake Pyramid) ที่มีความแตกต่างจากทะเลสาบอื่น ๆ บนโลกนี้เนื่องจากสีน้ำในทะเลสาบสามารถเปลี่ยนแปลงได้เองอย่างน่าเหลือเชื่อ
หินทรงพีระมิดที่เป็นที่มาของชื่อทะเลสาบ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สร้างชื่อเสียงที่สุดให้กับมัน
ทะเลสาบพีระมิดตั้งอยู่ในพื้นที่ทะเลทรายห่างไกลของเขตอนุรักษ์ชาติพันธุ์ Pyramid Lake Paiute ที่อยู่ห่างจากเมืองเรโนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 40 ไมล์ โดยทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องสีน้ำในทะเลสาบจะเปลี่ยนไปเป็นสีฟ้าอ่อน สีเทอร์ควอยซ์ หรือแม้แต่สีขาวในทุก ๆ 7-12 ปี และกินเวลานานถึง 2-3 สัปดาห์ด้วยกัน
ปรากฎการณ์ดังกล่าวเรียกว่า “Whiting” โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสีของน้ำที่เปลี่ยนไปเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น อุณหภูมิน้ำที่สูงขึ้น, สาหร่ายบลูม และความเข้มข้นของแคลเซียมคาร์บอเนตที่เพิ่มขึ้น แต่พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นมากนัก
ที่น่าสนใจคือปรากฎการณ์ Whiting ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตบนอาจต่างออกไป ซึ่งนั่นรวมถึงมนุษย์ด้วย
ทางเจ้าหน้าที่เขตอนุรักษ์ชาติพันธุ์ Pyramid Lake Paiute กล่าวว่า การสัมผัสกับน้ำในทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์นี้อาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ผื่นขึ้นที่ผิวหนัง ระคายเคืองตา ท้องร่วง และอาเจียน ซึ่งโชคดีที่ทางเขตอนุรักษ์ได้ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทะเลสาบมาตั้งแต่เริ่มต้นการระบาดใหญ่ของโควิด-19
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สัตว์ต่าง ๆ ที่ลงไปสัมผัสน้ำอาจมีอาการชักได้หากสัมผัสกับสาหร่ายที่เป็นพิษในน้ำ ซึ่งนั่นเป็นคำเตือนสำหรับนักท่องเที่ยวก่อนหน้านี้ที่ชอบพาสัตว์เลี้ยงของตนเองไปเที่ยวที่ทะเลสาบพีระมิดในช่วงที่เกิดปรากฎการณ์ Whiting
ส่วนภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า ปรากฎการณ์ Whiting เริ่มต้นที่มุมเล็ก ๆ ของทะเลสาบและค่อยขยายออกไปเรื่อย ๆ จนน้ำในทะเลสาบกลายเป็นสีเทอร์ควอยซ์ทั้งหมด
ในขณะที่มันกำลังกลายเป็นที่นิยมบนโลกโซเชียลและมีนักท่องเที่ยวมากมายจ้องจะไปเยือนมันให้ได้สักครั้งในชีวิต แต่การเอาตัวลงไปแช่น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ก็อาจทำให้ทริปนี้ของคุณกลายเป็นทริปสุดท้ายในชีวิตเช่นกัน
ที่มา : odditycentral | เรียบเรียงโดย เพชรมายา