Cube Impossible รูบิกที่คุณไม่มีวันหมุนให้ครบทุกด้านได้สำเร็จ

รูบิก ถือเป็นของเล่นที่สร้างความปวดหัวให้กับเราหลายคนจนถึงขนาดท้อแท้และเลิกเล่นไปในที่สุด แต่สำหรับบางคนรูบิกมันก็ไม่ใช่ของเล่นที่ยากจนเกินไปจนไม่สามารถทำได้ ยกเว้นเพียงแต่ว่าคุณได้เจอกับรูบิกในเวอร์ชัน Impossible ที่ถูกวางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้

MegaHouse บริษัทของ Bandai Namco ได้ทำการออกแบบรูบิกที่คุณไม่มีวันทำมันได้สำเร็จโดยมีชื่อว่า Rubik’s Cube Impossible ซึ่งมันกลายเป็นโมเดลรูบิกที่ท้าทายที่สุดหลังจากที่รูบิกถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกโดย แอร์เนอ รูบิก ศาสตราจารย์และสถาปนิกชาวฮังการี ในปี 1974

ภาพแรกที่คุณเห็นรูบิก Cube Impossible มันดูไม่แตกต่างจากรูบิกธรรมดาทั่วไป แต่ความยากของมันก็คือ “สีสัน” ที่อยู่บนรูบิกจำนวน 48 ช่องจากทั้งหมด 54 ช่อง บนหน้าของรูบิก 6 ด้าน สามารถเปลี่ยนเฉดสีเองได้เมื่อคุณมองมันจากมุมมองที่ต่างกัน และนั่นทำให้การจัดเรียงสีของรูบิกทำได้ยากมากจนแทบเป็นไปไม่ได้

จากข้อมูลของ MegaHouse ระบุว่า Cube Impossible ภายใน 1 ด้านของรูบิกประกอบไปด้วยช่องที่เปลี่ยนสีเองได้ 8 ช่อง และสีเดิมที่ไม่เปลี่ยนเอง 1 ช่อง ซึ่งช่องที่เหลือเพียงช่องเดียวนี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณสามารถหมุนรูบิกลูกนี้จนสำเร็จครบทุกด้านได้

ถึงแม้ว่าคุณจะมีประสบการณ์จากรูบิกธรรมดามาอย่างโชกโชน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเมื่อพยายามต่อสู้กับ Cube Impossible เนื่องจากคุณไม่สามารถใช้เทคนิคบางอย่างได้ เช่น ‘สีที่ติดกัน’ หรือ ‘สีที่ไม่ติดกัน’

เพื่ออธิบายให้คุณเห็นภาพถึงความยากของ Cube Impossible ข้อมูลจาก IT Media ระบุว่า แม้แต่ทีมผู้พัฒนารูบิกชิ้นนี้เองก็ยังไม่มีใครสามารถพิชิตมันได้ แม้แต่ ชูเฮอิ โอมุระ แชมป์โลกรูบิกในปี 2009 และผู้อำนวยการของ Speed Cubing Japan ก็ยังประสบปัญหา และต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะพิชิตมันได้สำเร็จ

โอมุระกล่าวว่า เขารู้สึกหนักใจกับความยากของ Cube Impossible อย่างมาก และพยายามขอคำยืนยันจากผู้พัฒนาว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถทำสำเร็จได้จริง ซึ่งสุดท้าย โอมุระก็สามารถทำได้สำเร็จและรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก

เนื่องจาก Cube Impossible มีความยากขั้นสุด โอมุระจึงอยากแนะนำให้ผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับรูบิกอย่างโชกโชนเท่านั้น และมันไม่ใช่ของเล่นสำหรับมือใหม่ที่จะสนุกกับมันได้

Cube Impossible มีวางจำหน่ายแล้วบนเว็บไซต์ของ MegaHouse ในญี่ปุ่น สนนราคาลูกละ 3,800 เยน หรือราว 1,000 บาทเท่านั้น

ที่มา : megahouse | เรียบเรียงโดย เพชรมายา