โดมิโนยักษ์ กำลังจะเกิดขึ้นกับอะพาร์ตเมนต์จำนวนมากในบราซิล

ในขณะที่หลายประเทศอาจกำลังปวดหัวกับเรื่องผังเมืองที่ส่งผลไปถึงปัญหาการคมนาคมในประเทศอย่างมากมาย แต่ในบางประเทศอาจมีปัญหาที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้น ตัวอย่างเช่นเมืองซานโตส ที่มีชื่อเสียงในฐานะบ้านเกิดของตำนานฟุตบอล “เปเล่” แต่สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้ก็คือ ที่นี่คือเมืองที่มีปัญหาเกี่ยวกับอะพาร์ตเมนต์จำนวนมากที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างไม่ได้มาตรฐาน

หากคุณมีโอกาสเดินทางไปยังเมืองซานโตส ประเทศบราซิล อาจเคยสะดุดตากับอาคารสูงที่ดูเอียงราวกับหอเอนเมืองปิซ่า ที่เกิดขึ้นมานานหลายสิบปีแล้ว

เมื่อเวลาผ่านไป ตัวอาคารดูเหมือนจะเลวร้ายมากขึ้น ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่เลือกที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงโดยอ้างว่า สิ่งก่อสร้างเหล่านี้มีความปลอดภัยอยู่แล้ว

ซานโตสเป็นเมืองที่มีอาคารสูงมากถึง 651 แห่ง และมีอาคารมากถึง 65 แห่งที่เอียงกระเท่เร่อยู่ในขณะนี้ บางแห่งมีความเอียงแค่ 5 ซม. จากระดับพื้น แต่บางแห่งก็มีความเอียงเกือบ 2 เมตร ซึ่งทำให้เราสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

ปัญหาไม่ได้อยู่เพียงแค่ความสวยงามเท่านั้น ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นก็คืออะพาร์ตเมนต์บางแห่งไม่สามารถปิดประตูและหน้าต่างได้สนิท บางแห่งมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประปา นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า ผู้อยู่อาศัยบางคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในห้องนาน ๆ ต้องเจอกับปัญหาการทรงตัวเวลาออกมาโลกภายนอก

ย้อนกลับไปในทศวรรษ 1950 และ 1960 ถือเป็นช่วงเวลาที่เมืองซานโตสเริ่มสร้างอาคารอะพาร์ตเมนต์สูงจำนวนมากบริเวณริมชายหาด ผู้รับเหมาก่อสร้างต่างเลือกวิธีการก่อสร้างที่ถูกที่สุด แทนที่จะเลือกวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

การทำระบบฐานรากลึก (Deep Foundation) ไปถึงชั้นหินจะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจทำระบบฐานรากตื้น (Shallow Foundation) ด้วยแผ่นคอนกรีตที่ลึกลงไปเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้นจากพื้นดิน โดยที่พื้นดินในบริเวณดังกล่าวเป็นดินและทรายนุ่ม ๆ เท่านั้น

Introduction. General types of foundations. Foundation might be: Shallow, or. Deep. They could be constructed from: Concert (reinforced) Steel. Other materials: Timber, Stones,… High building. Low-rise building supported by. Shallow foundations. (footings) Deep foundation. (piles)

ระบบฐานรากแบบตื้นที่พวกเขาใช้เป็นการหล่อคอนกรีตบนชั้นทรายที่หนา 7 เมตร อยู่บนดินที่มีน้ำขัง เมื่อเวลาผ่านไปน้ำหนักของอาคารจะทำให้น้ำที่ขังอยู่ค่อย ๆ ถูกรีดออกจากดินไปอย่างช้า ๆ จนส่งผลให้บางมุมของอาคารเริ่มจมลึกลงไป และส่งผลให้อาคารเหล่านี้เอียงขึ้นในทุก ๆ ปี

ออร์แลนโด ดามิน ศาสตราจารย์และวิศวกรโยธาได้กล่าวว่า “ย้อนกลับในสมัยนั้น การทำรระบบฐานรากลึกคิดเป็นค่าใช้จ่าย 15-20 เปอร์เซนต์ ของต้นทุนทั้งหมด ในขณะที่ระบบฐานรากตื้นคิดเป็นแค่ 8 เปอร์เซนต์เท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกวิธีที่ประหยัดที่สุด สรุปแล้วมันคือความโลภของบริษัทผู้รับเหมา รวมไปถึงผู้ซื้อที่ต้องการมีวิถีชีวิตริมชายหาดในราคาเบา ๆ”

ในขณะที่ผู้รับเหมาเหล่านี้ล้วนเกษียณอายุและพวกเขาจะไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ จากความผิดพลาดเหล่านี้ ในขณะที่เจ้าของอะพาร์ตเมนต์คือผู้รับเคราะห์อย่างแท้จริง พวกเขาจะต้องทนอยู่กับความเสี่ยงว่าสักวันหนึ่ง อาคารเหล่านี้อาจทรุดตัวลงหรือล้มลงไม่วันใดก็วันหนึ่ง

“ถ้าคุณวางลูกบอลไว้บนพื้น มันจะกลิ้งทันที” เจ้าของห้องจากอาคารที่เอียงที่สุดแห่งหนึ่งกล่าว

นี่คือปัญหาที่ทุกคนทราบกันดี ถึงแม้ราคาอะพาร์ตเมนต์เหล่านี้จะถูกลงอย่างมาก แต่การหาคนที่จะเต็มใจซื้อห้องเอียง ๆ ก็ถือเป็นเรื่องท้าทายเช่นกัน

ตลอด 7 ทศวรรษที่ผ่านมา มีอะพาร์ตเมนต์เพียง 2 แห่งเท่านั้นที่ได้รับการแก้ไขด้วยระบบไฮดรอลิกส์และตอนนี้ทำให้อาคารทั้ง 2 แห่งกลับมาตั้งตรงเหมือนเดิมได้ แน่นอนว่าวิธีนี้มีราคาสูงและมีขั้นตอนที่ซับซ้อน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะบังคับใช้วิธีนี้ก็ต่อเมื่อพวกเขารู้สึกว่าอาคารเอียงจนเป็นอันตราย ตัวอย่างเช่นอาคาร 2 แห่งนี้ ที่มีความเอียงจากระดับพื้นดินเกือบ 2 เมตร

ที่มา : odditycentral | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ