เมืองที่มืดมิดที่สุด สร้างกระจกราคา 18 ล้านสะท้อนแสงอาทิตย์เพื่อให้เมืองอยู่รอด

ในขณะที่คนไทยทุกคนอยากให้แดดในประเทศไทยร้อนน้อยลงกว่านี้บ้าง หรือหายๆ ไปเลยก็ยิ่งดี แต่สำหรับในบางประเทศ บางเมือง คุณอาจไม่รู้หรอกว่า พวกเขาต้องการแสงอาทิตย์มากแค่ไหน เพราะถ้าหากว่าคุณต้องอาศัยอยู่ในเมืองที่ไม่มีแสงแดดเลยจริงๆ มันจะดีอย่างที่คุณคิดหรือเปล่า ?

นี่คือเรื่องราวของเมือง Rjukan ที่ตั้งอยู่ห่างจากออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 3 ชั่วโมง และเมืองๆ นี้เป็นที่รู้กันดีว่า เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความมืดมิดที่สุดในโลก

เมือง Rjukan มีประชากรอยู่อาศัยราว 3,386 คน ซึ่งชื่อของเมืองนี้ได้มาจากน้ำตก Rjukan ที่มีความสูงถึง 104 เมตร และยังเป็นแหล่งสร้างพลังงานไฟฟ้าให้กับเมืองแห่งนี้อีกด้วย

ส่วนสาเหตุที่เมืองแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มืดมิดที่สุดก็คือ ตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงเดือนมีนาคม แสงอาทิตย์บนท้องฟ้าจะไม่สามารถสาดส่องมายังเมืองโดยตรงได้ เนื่องจากทำเลที่ตั้งของเมืองนั้นอยู่ท่ามกลางภูเขาล้อมรอบ

ในความเป็นจริงแล้ว เมือง Rjukan และเกือบทั้งประเทศนอร์เวย์ แทบจะมีเวลากลางวันตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นแต่ในช่วงเดือนธันวาคมและมกราคม เนื่องจากปรากฏการณ์ “อาทิตย์เที่ยงคืน” แต่สิ่งที่เมือง Rjukan แตกต่างจากเมืองอื่นๆ ในนอร์เวย์ก็คือการที่เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขา ที่บดบังแสงอาทิตย์ที่จะสาดส่องมายังเมืองโดยตรง จนทำให้เมืองแห่งนี้มืดมิดแทบจะตลอดเวลา

แน่นอนว่าชาวเมืองต้องการแสงแดด ซึ่งนอกจากจะให้ความอบอุ่นแก่ชาวเมืองแล้ว ยังเป็นแหล่งวิตามินดีที่สำคัญอีกด้วย ทางเมือง Rjukan จึงลงทุนใช้เงินจำนวน 5 ล้านโครนนอร์เวย์ หรือประมาณ 18.3 ล้านบาท เพื่อติดตั้งกระจกที่จะสะท้อนแสงแดดเข้ามาสู่เมือง

กระจกเหล่านี้ถูกติดตั้งอยู่เหนือเมืองประมาณ 450 เมตร โดยเป็นกระจกกระจกพลังงานแสงอาทิตย์ ที่สามารถจับความเคลื่อนไหวตามดวงอาทิตย์ เพื่อให้สะท้อนแสงแดดลงสู่เมืองได้อย่างถูกต้อง

ผลลัพธ์ก็คือ กระจกได้กลายเป็นเหมือนดวงอาทิตย์เทียมที่ช่วยส่องแสงสว่างลงสู่เมืองที่มืดมิดได้นั่นเอง

หนึ่งในชาวเมือง Rjukan ที่เคยอาศัยอยู่ตั้งแต่ตอนที่เมืองยังมืดมิดไม่มีแสงจากกระจก ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมแทบไม่เคยคิดถึงแสงแดดเลย แต่สิ่งนี้มันช่วยให้เมืองอบอุ่นขึ้นมาก ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่รวมไปถึงจิตใจ มันให้จิตใจคุณอบอุ่นไปด้วย”

จริงๆ แล้วไอเดียนี้เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูว่า จะเป็นการเสียเงินโดยใช่เหตุ และมันจะทำได้แค่เพียงสะท้อนแสงอันริบหรี่จากดวงอาทิตย์เท่านั้น

ในขณะที่นักวิจารณ์อีกหลายคนก็เชื่อว่า มันจะช่วยให้เมืองอบอุ่นขึ้นได้จริง แถมยังเป็นจุดขายที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มายังเมืองนี้ได้อีกด้วย

และหากคุณคิดว่าไอเดียการติดตั้งกระจกจะเป็นไอเดียที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นานนี้ล่ะก็ คุณคิดผิดถนัด เพราะไอเดียนี้เกิดขึ้นครั้งแรกโดย แซม ไอด์ ตั้งแต่ปี 1913 หรือเมื่อ 106 ปีที่แล้ว ซึ่งแซมเข้าใจถึงความสำคัญของแสงอาทิตย์และพยายามสร้างกระจกสะท้อนแสงอาทิตย์มาแล้ว แต่โชคร้ายที่เขาทำไม่สำเร็จ จนกระทั่งผ่านมานานกว่า 100 ปี ไอเดียนี้ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้งในปี 2005 โดย มาร์ติน แอนเดอร์เซน ศิลปินชาวท้องถิ่นของเมือง และในปี 2013 กระจกเหล่านี้ก็ถูกติดตั้งได้สำเร็จ

ที่มา : | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ