หนุ่มไต้หวันถูกเฟซลบภาพวาบหวิว จึงเอามาขึ้นป้ายโฆษณาริมถนนแทน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักศึกษาหนุ่มไต้หวันรายหนึ่งได้กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาจัดแสดงผลงานตนเองผ่านป้ายบิลบอร์ดที่อยู่ริมถนน และมันจะไม่มีปัญหาเลยถ้าผลงานของเขาไม่ใช่ภาพที่มีลักษณะวาบหวิวเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายก็ตาม

Wu Zongdai นักศึกษาจาก University of Southern Arts รู้สึกสงสัยกับการตัดสินใจของเฟซบุ๊กที่ลบภาพของเขาออก โดยภาพดังกล่าวคือภาพที่ตัวเขาสวมชุดชั้นในสตรี นอนอยู่บนโซฟา และเผยให้เห็นหน้าอกข้างหนึ่งของเขาข้างหนึ่ง

แน่นอนว่า เฟซบุ๊กไม่ถือว่าหัวนมของผู้ชายผิดกฎ แต่ภาพของนาย Wu ก็ดูจะสุ่มเสี่ยงไม่น้อยเนื่องจากภายนอกของเขาดูไม่ต่างจากหญิงสาวสวยคนหนึ่ง ดังนั้นจึงยังไม่ชัดเจนว่านาย Wu จะสามารถอุทธรณ์ให้เฟซบุ๊กกลับคำตัดสินได้หรือไม่

และนั่นทำให้นาย Wu เกิดไอเดียที่จะสร้างโครงการศิลปะเพื่อทดสอบภาพดังกล่าวกับปฏิกิริยาของผู้คนทั่วไปตามท้องถนน เขาตัดสินใจเช่าป้ายโฆษณาริมถนนในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันเงียบสงบ และขึ้นป้ายโฆษณาด้วยภาพดังกล่าวที่ถูกเฟซบุ๊กแบน

จากนั้นเขาก็คอยชมปฏิกิริยาของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา ซึ่งเป็นไปอย่างที่คิด เพราะภาพดังกล่าวดึงดูดความสนใจของคนในท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง จนกระทั่งมีบางคนเริ่มแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพยายามหาตัว ‘ผู้ร้าย’ ที่กระทำการอุกอาจเช่นนี้

ต่อมานาย Wu ถูกตำรวจเรียกมาตักเตือนว่าอาจถูกตั้งข้อหาอนาจารได้ แต่เขาอธิบายอย่างใจเย็นว่าตนเองเป็นผู้ชายและป้ายโฆษณาดังกล่าวเป็นเพียงโครงการศิลปะเท่านั้น

ในขณะที่อาจารย์จากมหาวิทยาลัยหลายคนพยายามโน้มน้าวให้เขาถอดป้ายโฆษณาออกเพราะเสี่ยงกระทบต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม นาย Wu ยังคงยืนหยัดในไอเดียของเขาต่อไปโดยระบุว่าไม่มีรายละเอียดใด ๆ บนป้ายที่เชื่อมโยงไปถึงมหาวิทยาลัยแม้แต่น้อย และไม่มีกฎหมายข้อใดที่บังคับให้เขานำป้ายลงได้

แม้ว่าชาวบ้านจะยอมรับป้ายโฆษณาดังกล่าวได้มากขึ้นหลังจากทราบว่าบุคคลในภาพเป็นผู้ชาย แต่เจ้าหน้าที่เองก็ขอความร่วมมือให้เขานำป้ายโฆษณาลงเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้

ซึ่งปกติแล้วนาย Wu จ่ายเงินสำหรับพื้นที่ป้ายโฆษณาจนถึงเดือนมีนาคม แต่มีรายงานว่าเขาจะต้องนำป้ายลงภายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ เพราะแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ในความเป็นจริงแล้วเขากลับดูเหมือนผู้หญิงมากกว่า และภาพดังกล่าวสร้างความไม่สงบในชุมชนเนื่องจากมันทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจที่ได้เห็นภาพนี้

ที่มา: mirrormedia | odditycentral