ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับรอยสักในประเทศญี่ปุ่นมีความแตกต่างไปจากประเทศอื่นเป็นอย่างมาก มันเป็นสัญลักษณ์ของอาชญากรและสมาชิกของตระกูลยากูซ่ามาอย่างยาวนาน ในปัจจุบันเรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นรอยแผลที่สร้างความอัปยศให้กับชาวญี่ปุ่นบางกลุ่ม
อย่างไรก็ตามเมื่อญี่ปุ่นเริ่มเปิดรับการท่องเที่ยวมากขึ้น เรื่องราวเกี่ยวกับรอยสักก็เริ่มจางหายไปตามยุคสมัย สำหรับคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยครั้งคงจะคุ้นชินกับคำเตือนสำหรับคนสักในเรื่องการใช้งานบ่อน้ำพุร้อน ในญี่ปุ่นการใช้งานบ่อออนเซ็นมีมารยาทที่เคร่งครัดในการเปลือยกายเพื่ออาบน้ำเท่านั้น ซึ่งมันส่งผลต่อการเปิดเผยรอยสักในคนทั่วไปได้เห็น
หลายคนคงข้ามการสัมผัสบ่อออนเซ็นไปเนื่องจากการมีรอยสักบนตัว แต่ในปัจจุบันเราพบสถานที่บริการหลายจุดที่ไม่มีข้อห้ามในส่วนของการใช้ออนเซ็นสำหรับผู้ที่มีรอยสัก
แต่ในความจริงแล้วมันเป็นเรื่องถูกกฎหมายหรือไม่ ? มันเป็นคำถามที่น่าสงสัยที่ยังไม่เคยมีใครถามและตอบมาก่อน จนกระทั่งทนายชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ เคอิตะ อาดาชิ จะมาบอกเล่าความคิดเห็นของเขาในเรื่องนี้กัน
ตัวเขาได้บอกว่าในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นสิทธิ์ของร้านค้าและสถานบริการในการยินยอมให้คนแบบไหนใช้งาน อย่างไรก็ตามการปฎิเสธการให้บริการแก่คนที่มีรอยสักถือได้ว่าเป็นการเลือกปฎิบัติที่ไร้เหตุผล และในอนาคตอันใกล้อาจถือว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อมาตรา 14 ของรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยเรื่องความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมต่อสาธารณชนที่ระบุไว้ถึงความเท่าเทียมกัน การเลือกปฎิบัติตามฐานของการเมือง เศรษฐกิจหรือความสัมพันธ์ทางสังคมในเรื่องของเชื้อชาติ ความเชื่อ เพศ สถานะทางสังคม วรรณะหรือชาติกำเนิดถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
แล้วรอยสักเข้าข่ายในเรื่องเหล่านี้ไหม ? เคอิตะระบุว่ามันไม่สำคัญแต่อย่างใด เพราะในทางกลับกันการเห็นคนที่มีรอยสักในบ่อออนเซ็นอาจสร้างความไม่พอใจกับคนอื่น ดังนั้นบ่อออนเซ็นอาจยินยอมให้ใช้ชุดว่ายน้ำหรือผ้าขนหนูปกปิดร่างกายส่วนดังกล่าว เหมือนดั่งเช่นการรับรองสำหรับแขกที่มีรอยแผลจากการผ่าตัดหรือแผลไฟใหม้ มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรถ้าพวกเขาปฎิเสธคนที่มีรอยสักแค่ประเภทเดียว แถมมันยังทำให้คนต่างชาติที่ไม่คุ้นชินกับการเปลือยกายอาบน้ำกับผู้อื่นสบายใจกว่าเดิมอีกด้วย
แม้ความเห็นของเคอิตะจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่ในด้านวัฒนธรรมที่มีมานานอย่างญี่ปุ่นไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว
ความเห็นทางออนไลน์หลากหลายได้บอกว่าไว้ “ที่นี่คือประเทศญี่ปุ่นพวกเขาควรเคารพในวัฒนธรรมของเราเกี่ยวกับเรื่องรอยสักว่าเป็นเครื่องหมายของอาชญากรและไม่มีใครอยากอาบน้ำกับพวกเขา เหมือนกับที่เราเคารพวัฒนธรรมของประเทศอื่นเมื่อไปยังประเทศนั้น ๆ”
“รอยสักถูกแบบเพราะการแบนยากูซ่า ไม่ใช่เพราะญี่ปุ่นเกลียดวัฒนธรรมรอยสักของคนต่างชาติยากูซ่า แต่เราแค่เกลียดยากูซ่า ดังนั้นจงหยุดที่จะทำให้วัฒนธรรมของเราจางหายไป”
“คุณยังสามารถเข้าออนเซ็นแบบส่วนตัวได้ แต่ควรเข้าใจในการเข้าอาบน้ำกับผู้อื่น”
“รอยสักเป็นเครื่องหมายของยากูซ่า หรือคนโง่เง่าที่พยายามทำตัวให้มีค่า ระบบนี้ควรอยู่ต่อไป”
“เราไม่ควรเข้าใจพวกเขานะ พวกเขาต่างหากที่ควรเข้าใจพวกเรา”
เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันมานาน เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าฝั่งไหนผิดหรือถูกกันแน่
แล้วคุณล่ะ เคยมีประสบการณ์เข้าใช้ออนเซ็นของญี่ปุ่นหรือไม่ ? ที่นั่นมีการห้ามคนมีรอยสักหรือเปล่า ? มาบอกเราถึงความเห็นในเรื่องนี้กัน
ที่มา : soranews24 | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ