ชายคนนี้สังเกตว่า ภาพวิหารโอลิมเปียซุสเมื่อ 160 ปีก่อน มีสิ่งแปลกๆ บนยอด งานสืบค้นจึงเริ่มขึ้น

ความสงสัยเป็นบ่อเกิดแห่งความรู้ แน่นอนว่าเวลาเราสงสัยอะไรก็ตาม ก็มักจะทำให้เราต้องค้นคว้าหาคำตอบมาให้ได้ว่า สิ่งที่เราสงสัยมันมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ และนี่ก็เป็นเรื่องราวของ พอล คูเปอร์ นักศึกษาปริญาญาเอกชาวอังกฤษ ที่ได้ทำการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับ “วิหารโอลิมเปียซุส” ในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ และเขาก็ได้เจอสิ่งที่ทำให้ตัวเองประหลาดใจอย่างมาก

นี่คือภาพของวิหารโอลิมเปียซุสในปัจจุบัน

ส่วนนี่คือภาพของวิหารโอลิมเปียซุส ในปี ค.ศ. 1858

และสิ่งที่ทำให้พอลสงสัยอย่างมากนั่นก็คือ สิ่งก่อสร้างแปลกๆ ที่อยู่บนยอดวิหาร มันดูไม่เข้ากับรูปแบบของวิหารเลยแม้แต่น้อย แต่มันไปอยู่บนนั้นได้อย่างไรล่ะ ?

มาลองดูภาพวิหารจากภาพจำลองของวิหารเมื่อในอดีต จะพบว่ามันไม่มีส่วนที่ยื่นขึ้นไปแบบนั้นแม้แต่น้อย

พอลคิดว่าเขาเจอคำตอบแล้ว เพราะเขาไปเจออีกภาพหนึ่งที่เหมือนกันเป๊ะๆ เพียงแต่ว่ามันไม่มียอดแปลกๆ อยู่บนวิหาร เขาจึงคิดว่าน่าจะมีคนมือบอนไปตัดต่อเจ้าสิ่งก่อสร้างแปลกๆ นี้เข้าไปในภาพถ่าย ทำให้มันดูอลังการมากขึ้นนั่นเอง

แต่ดูเหมือนว่าพอลจะคิดผิด เพราะเขาได้พบกับภาพวาดภาพนี้ที่ถูกวาดขึ้นในปี ค.ศ. 1833 โดยจิตรกรชาวเยอรมัน โจแฮนน์ มิคาเอล วิทท์เมอร์

ถ้าซูมดูใกล้ๆ ไปที่ฉากหลัง จะพบว่าบนวิหารมีสิ่งก่อสร้างแปลกๆ นี้อีกแล้ว

หลังจากค้นคว้าไปเรื่อยๆ เขาก็พบภาพอีกมุมหนึ่งของวิหารโอลิมเปียซุส ที่ถูกถ่ายในปี ค.ศ. 1862 เห็นได้ชัดว่าสิ่งก่อสร้างแปลกๆ นี้มีอยู่จริง มันถูกตัดต่อออกจากภาพอื่น ไม่ใช่ถูกตัดต่อเพิ่มเข้ามา

และหลังจากที่เขาค้นคว้าต่อไปอีกก็พบว่า มันเกี่ยวข้องกับนักบวชคริสเตียนที่รู้จักกันในชื่อ “สไตไลท์” (Stylite) หรือ “นักบุญเสา” (Pillar Saint)

ซึ่งนักบวชเหล่านี้ มีความเชื่อว่า การอาศัยอยู่บนยอดเสาที่สูงที่สุดจะได้ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้น พร้อมทั้งเป็นเหมือนการชำระล้างบาปไปในตัวอีกด้วย

ตั้งแต่การพังพินาศของวิหารในศตวรรษที่ 3 จนมาถึงการตรวจสอบของนักโบราณคดีในศตวรรษที่ 19 นักบวชเหล่านี้ได้พยายามสร้างกระท่อมหินเล็กๆ ขึ้นไปบนยอดของเสาวิหารที่ผุพังแล้ว

บทความหนึ่งในปี ค.ศ. 1922 ได้บอกเล่าเรื่องราวของชาวบ้านที่พูดถึงนักบวชที่อาศัยอยู่บนยอดเสาของวิหาร พร้อมทั้งนำอาหารและน้ำติดตัวขึ้นไปด้วย ส่วนสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือเชือกและถังน้ำ

นักบวชเหล่านี้ใช้เชือกผูกกับถังน้ำเพื่อหย่อนลงมาข้างล่าง ส่วนชาวบ้านบางคนก็จะนำขนมปังหรือผลไม้ส่งกลับขึ้นไปให้

หลังจากที่กรีกเป็นอิสระจากจักรวรรดิออตโตมัน ก็ได้มีความพยายามสร้างเอกลักษณ์ประจำชาติขึ้น โดยการหวนไปรำลึกถึงความยิ่งใหญ่ของกรีกในอดีตอีกครั้ง ซึ่งในสายตาของเจ้าหน้าที่กรีกมองว่า หมดเวลาของนักบวชคริสเตียนเหล่านี้แล้ว รวมถึงสิ่งก่อสร้างของพวกนักบวชด้วย

และนี่ก็คือเรื่องราวของ พอล คูเปอร์ ที่ทำให้เราได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยได้สังเกตมาก่อนด้วยซ้ำไป ถือเป็นประวัติศาสตร์อีกด้านที่แม้แต่คุณครูสอนประวัติศาสตร์หลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ

ที่มา : | เรียบเรียงโดย เพชรมายา