ทายาทมหาเศรษฐีรำคาญหลังได้รับมรดกร้อยล้าน จึงบริจาคเงินเกือบทั้งหมดให้การกุศล

ย้อนกลับไปในปี 1865 ฟรีดริช เองเกลฮอร์น ได้ก่อตั้ง BASF บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเคมีขึ้น ก่อนที่ตระกูลของเขาจะสืบทอดกิจการครอบครัวต่อมาเรื่อย ๆ

จนกระทั่งในปี 1997 ทราเดิล เอลเกลฮอร์น-เวคิอาโต สะใภ้ของตระกูลได้ขายหุ้นบางส่วนของบริษัทไปให้กับ Roche Holding บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก และทำให้เธอได้รับเงินจำนวนมหาศาล

ในขณะที่ มาร์ลีน เองเกลฮอร์น ผู้เป็นหลานสาวของทราเดิล กำลังจะได้รับเงินมรดกมูลค่าหลายสิบล้านเหรียญ หลังจากที่คุณย่าของเธอเสียชีวิตในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

แต่มาร์ลีนกลับไม่ต้องการมัน ดูเหมือนว่าหญิงสาววัย 29 ปีผู้นี้จะตัดสินใจทิ้งเงินมรดกของเธอเกือบทั้งหมด 90 ถึง 95%

มาร์ลีนกล่าวว่า เธอเข้าใจดีว่ามันอาจฟังดูแปลกสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่เธอไม่ได้ต่อต้านความรวย เธอแค่ต่อต้านความรวยที่มาจากมรดกแบบนี้

“มันไม่ควรเป็นการตัดสินใจของฉันว่าจะทำอะไรกับเงินของครอบครัว ซึ่งมันไม่ใช่เงินที่ฉันทำงานหามาได้” หญิงสาวอธิบาย “การจัดการมรดกนั้นต้องใช้เวลามาก และนั่นไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตของฉัน”

มาร์ลีนรู้สึกว่า การได้รับเงินมหาศาลจากมรดกของครอบครัวไม่ได้ทำให้เธอมีความสุข ตรงกันข้าม มันกลับสร้างความน่ารักคาญให้กับเธอ

มาร์ลีนรับรู้เรื่องมรดกที่เธอจะได้รับมาอย่างน้อย 2 ปีแล้ว และเธอกำลังคิดอย่างจริงจังว่าจะกำจัดมันทิ้งอย่างไร วิธีที่ง่ายที่สุดของเธอตอนนี้คือบริจาคเงินของเธอทั้งหมดให้กับองค์กรการกุศล แต่เธอก็ไม่พอใจที่กับการที่ใครบางคนไม่ได้ทำงานเพื่อเงินก้อนนั้น

“มันไม่ใช่เรื่องพินัยกรรม แต่มันเป็นเรื่องของความยุติธรรม” มาร์ลีนกล่าว “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยในการรับมรดกนี้ นี่เป็นความโชคดีล้วน ๆ ที่บังเอิญเกิดมาในครอบครัวนี้”

ในการให้สัมภาษณ์กับ VICE มาร์ลีนยังวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคนรวยระดับโลกหลายคน ที่บริจาคเศษเงินของพวกเขาเพื่อช่วยในการลดหย่อนภาษีให้ได้มากที่สุด เธอไม่คิดว่าพฤติกรรมแบบนี้ควรได้รับการยกย่อง เพราะมันไม่ซื่อสัตย์

มาร์ลีนยังกล่าวอีกว่า ไม่ควรมีใครที่มีเงินมากเกินกว่าจะจินตนาการได้ในสังคมที่ไม่เท่าเทียมกันเช่นนี้ เธอมองไปถึงการกระจายรายได้อย่างเท่าเทียมและการจัดเก็บภาษีที่สูงขึ้นสำหรับบรรดามหาเศรษฐีทั้งหลาย

ปัจจุบัน มาร์ลีนเป็นสมาชิกของ Millionaires for Humanity องค์กรที่มีสมาชิกเป็นบุคคลรายได้สูง ที่มุ่งมั่นจะก้าวข้ามไปไกลกว่าแค่การทำบุญหรือบริจาคเงินของมหาเศรษฐี แต่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีของบรรดามหาเศรษฐีแทน

เมื่อถูกถามถึงอนาคตหลังจากที่เธอทิ้งมรดกไปราว 90 ถึง 95% แล้ว มาร์ลีนกล่าวว่า “ฉันยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่ฉันอยากทำงานหนักเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ”

ที่มา: odditycentral