อิตาลีแบนเด็กไม่ฉีดวัคซีนไม่ให้ไปโรงเรียน ส่งผลให้ลัทธิต่อต้านวัคซีนรับไม่ได้

บนโลกนี้ยังมีความเชื่อแปลกๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเราอยู่หลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ “ลัทธิต่อต้านวัคซีน” ซึ่งพวกเขาเหล่านี้เชื่อว่า การฉีดวัคซีนให้กับเด็ก จะส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงอย่างเช่น พัฒนาการช้า เสี่ยงต่อการเป็นออทิสติก พิการ จนอาจถึงขั้นเสียชีวิต รวมถึงพวกเขาเหล่านี้ยังเชื่อในทฤษฎีสมคบคิดที่ว่า บริษัทยายักษ์ใหญ่ได้ร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์ในการบังคับให้เด็กฉีดวัคซีน ซึ่งหลายๆ คนก็รู้อยู่แล้วว่า ความเชื่อที่สุดโต่งนี้มันผิดมหันต์

สำหรับในประเทศอิตาลีได้มีการออกกฏหมายใหม่ โดยระบุว่าเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ จะต้องมีหลักฐานยืนยันว่าได้รับวัคซีนพื้นฐานครบถึงจะสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐได้ (แต่ยังไม่มีการปรับ) ส่วนเด็กที่อายุระหว่าง 6-16 ปี รัฐไม่สามารถห้ามเด็กไม่ให้ไปโรงเรียนได้ แต่ถ้าถูกตรวจสอบพบว่ายังไม่ฉีดวัคซีนครบถ้วน พ่อแม่จะต้องถูกปรับเป็นเงินเป็นจำนวน 500 ยูโร หรือประมาณ 17,800 บาท ซึ่งกฏหมายนี้ถือเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคหัดในยุโรปที่เริ่มลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับวัคซีนพื้นฐานประกอบไปด้วย 10 ชนิดด้วยกัน มีตั้งแต่วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส, โปลิโอ, คางทูม, หัดเยอรมัน และโรคหัด ซึ่งกฏหมายนี้มีชื่อว่า “โลเรนซิน” (Lorenzin) โดยถูกตั้งชื่อตามอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอิตาลี ซึ่งเป็นกฏหมายที่ถูกริเริ่มมาจากรัฐบาลชุดก่อน

แต่สำหรับรัฐบาลปัจจุบัน พรรคการเมืองฝ่ายขวาอย่าง Five Star Movement (M5S) ได้เคยพยายามปรับแก้กฏหมายนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2018 แต่ก็ถูกประชาชนส่วนใหญ่ลงชื่อต่อต้าน จนในที่สุดทางรัฐบาลก็ไม่อาจฝืนเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนได้ จนทำให้กฏหมายนี้ถูกบังคับใช้สำเร็จ

แน่นอนว่าจะมีปัญหามากมายตอนเริ่มบังคับใช้กฏหมายในช่วงแรกๆ ตัวอย่างเช่นในโบโลญญา ทางเจ้าหน้าที่ต้องส่งจดหมายระงับไม่ให้เด็กจำนวนกว่า 300 คนมาโรงเรียน (จากทั้งหมดกว่า 5,000 คน) เนื่องจากพ่อแม่ของเด็กไม่สามารถยืนยันเอกสารการฉีดวัคซีนได้ทันเวลา

ส่วนนาง กุยเอลีย กริลโล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบันกล่าวสรุปแบบเข้าใจง่ายๆ ว่า “ไม่มีวัคซีน ไม่มีโรงเรียน”

การเริ่มต้นบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง เป็นผลมาจากการลุกลามของโรคหัดมาตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว และในปี 2019 ทางศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหภาพยุโรป ได้รายงานว่า อิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้ป่วยมากที่สุดในยุโรป แต่หลังจากการบังคับใช้กฏหมายนี้ผ่านไปสักระยะ เชื่อว่าทุกๆ อย่างจะดีขึ้น โดยทางรับบาลได้ตั้งเป้าจากเด็กที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำกว่า 80% ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 95% ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก

สำหรับพ่อแม่ที่อยู่ในลัทธิต่อต้านวัคซีนทั้งหลายก็ได้ออกมารวมตัวประท้วงรัฐบาลถึงกฏหมายข้อนี้อย่างหนัก เนื่องจากพวกเขามองเห็นว่า นี่คือการบังคับให้ประชาชนฉีด “ยาพิษ” ให้กับลูกๆ ของพวกเขานั่นเอง ส่วนในประเทศไทยเองก็ถือว่ายังโชคดีที่ลัทธิต่อต้านวัคซีนยังไม่แพร่ระบาดเท่ากับในยุโรปและอเมริกา และหวังว่าคนไทยจะเข้าใจว่า การฉีดวัคซีนคือการป้องกันที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อยของเรา ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์มาแล้วนั่นเอง

ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ