ย้อนกลับไปในปี 1989 ชายชาวฟลอริดารายหนึ่งตัดสินใจซื้อบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ในย่านที่อยู่อาศัยธรรมดาทั่วไป แต่มันคือบ้านในฝันของเขาและกลายเป็นบ้านที่แสนอบอุ่นของครอบครัว
จนกระทั่งในปี 2005 หลังจากที่เขาเสียชีวิต บ้านได้เป็นมรดกตกทอดไปถึงลูกชายของเขา ออร์แลนโด คาโปเต และเรื่องราวที่กลายเป็นตำนานอีกบทหนึ่งของเมืองฟลอริดาก็ได้เริ่มต้นขึ้น
1. ข้อเสนอที่ไม่สามารถทำอะไรได้
ปัจจุบัน ออร์แลนโด คาโปเต ชายวัย 63 ปีได้รับข้อเสนอมากมายเพื่อมาขอซื้อบ้านที่มีพื้นที่เพียง 120 ตารางเมตรของเขา และเขาก็เคยปฏิเสธข้อเสนอที่เป็นเงินสูงถึง 9 แสนเหรียญหรือประมาณ 27 ล้านบาทมาแล้ว
ส่วนสาเหตุที่มีคนต้องการที่ดินบริเวณนี้เนื่องมาจากมันเป็นพื้นที่ที่อยู่ในแผนการพัฒนาโครงการ Coral Gables มูลค่า 600 ล้านเหรียญ (ประมาณ 18,000 ล้านบาท) ที่ประกอบไปด้วยโรงแรมหรู ศูนย์การค้า และร้านอาหาร ซึ่งถือเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้
แน่นอนว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ยอมแลกที่อยู่อาศัยของพวกเขากับเงินก้อนโตเพื่อยอมหลีกทางให้ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับ ออร์แลนโด คาโปเต ชายวัย 63 ผู้นี้
ตลอดระยะเวลา 6 ปีหลังสุด ออร์แลนโดปฏิเสธข้อเสนอซื้อบ้านของเขามาแล้วมากกว่า 60 ครั้ง รวมถึงเงิน 9 แสนเหรียญที่เป็นจำนวนมากมายมหาศาลสำหรับบ้านหลังแค่นี้ด้วย
2. ความทรงจำที่ล้ำค่า
สำหรับบ้านของออร์แลนโดไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย เพราะเป็นบ้านเดี่ยวที่มีเพียง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำเท่านั้น แต่สิ่งที่มันล้ำค่าก็คือประวัติศาสตร์และความทรงจำของเขาเกี่ยวกับบ้านหลังนี้
ตั้งแต่ในช่วงทศวรรษ 1960 พ่อของออร์แลนโดตัดสินใจอพยพจากคิวบามายังสหรัฐอเมริกา เขาต้องทำงาน 2 แห่งเพื่อเก็บเงินไปเรื่อย ๆ โดยหวังว่าสักวันเขาจะซื้อบ้านสักหลังได้
“นี่คือบ้านในฝันของพ่อผม” ออร์แลนโดกล่าว “เขาใช้เวลากว่า 20 ปีกว่าจะหามันเจอ บ้านหลังนี้เปรียบเสมือนฮาร์ดดิสก์ เวลาผมมองไปรอบ ๆ เดินผ่านมัน และใช้ชีวิตอยู่กับมัน ผมก็หวนคิดถึงความทรงจำมากมายที่ไม่สามารถหาได้จากบ้านหลังอื่น บ้านคือจิตวิญญาณของผม”
“ดังนั้น มันจะดีหรือเปล่าที่จะขายวิญญาณของคุณเพื่อแลกกับเงินทั้งหมดบนโลกใบนี้” ออร์แลนโดตั้งคำถาม ในขณะที่เขาสูญเสียพ่อกับแม่ไปแล้วตอนนี้ คุณค่าจิตใจของบ้านหลังนี้ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ชวนให้เรานึกถึงภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Up ที่เป็นเรื่องราวของชายแก่ที่ไม่ยอมขายบ้านเพราะยังติดอยู่ในความทรงจำอันล้ำค่าของเขาเช่นกัน
3. การต่อสู้กับโครงการใหญ่
นอกจากเขาจะไม่ยอมขายบ้านหลังนี้แล้ว ออร์แลนโดยังลุกขึ้นสู้กับโครงการหรูที่เกิดขึ้นรอบบ้านของเขาโดยแจ้งไปยังสภาเมืองเกี่ยวกับปัญหาเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยหลายเรื่องที่เกิดจากการก่อสร้างโครงการ และแน่นอนว่าทางโครงการเองก็อ้างว่าพวกเขาไม่ได้ละเมิดกฎระเบียบใด ๆ ในระหว่างก่อสร้าง
ในเมื่อฟ้องโครงการไม่ได้ผล เขาจึงฟ้องสภาเมืองในข้อหาปล่อยปะละเลยให้โครงการ Coral Gables เกิดขึ้น และโทษพวกเขาที่อนุมัติให้เกิดโครงการนี้ขึ้นแต่แรก
“เมืองนี้ละเมิดกฎหมายของตนเองเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักพัฒนาแทนที่จะปกป้องสิทธิ์เจ้าของบ้าน” ออร์แลนโดกล่าว “พื้นที่นี้เป็นที่อยู่อาศัยแบบบ้านเดี่ยว แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสัตว์ประหลาดขนาดมหึมา”
“คุณจะเห็นว่ามีขยะบางส่วนที่ตกลงมาที่บ้านผม ซึ่งถ้าอาคารข้างบ้านผมสูงไม่เกิน 35 ฟุตหรืออยู่ห่างออกไปอย่างน้อย 50 ฟุต มันจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้” ออร์แลนโดกล่าว
แต่ดูเหมือนการฟ้องร้องของออร์แลนโดจะไม่มีผล
4. การอยู่ร่วมกัน
ถึงแม้ออร์แลนโดจะได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการมานานหลายปี แต่ในที่สุดเขาก็ได้เพื่อนบ้านเป็นโรงแรมหรู ศูนย์การค้า ร้านอาหาร อาคารสำนักงานและคอนโดมิเนียม
ในขณะที่ทาง Coral Gables กล่าวว่า โครงนี้จะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของผู้คนในชุมชนผ่นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในพื้นที่นี้ สำหรับอาหารการกิน ศิลปะวัฒนธรรม และกิจกรรมกลางแจ้ง
แต่สุดท้ายหลังจากโครงการสุดหรูแห่งนี้เสร็จเรียบร้อย บ้านของออร์แลนโดก็จะกลายเป็นตำนานให้ผู้คนได้พูดถึงในแง่มุมต่าง ๆ และมันจะกลายเป็นเสี้ยนหนามที่ทิ่มแทงใจนายทุนและสภาเมืองต่อไป ตราบที่ชายชื่อ ออร์แลนโด คาโปเต ยังมีชีวิตอยู่
ที่มา : allthatsinteresting | miamiherald | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ