ถ้าเราเห็นภูเขาไฟไหม้ ทุกคนคงต้องคิดว่ามันเกิดขึ้นจากไฟป่า แต่เชื่อหรือไม่ว่า มีประเพณีเก่าแก่โบราณของญี่ปุ่นที่ “ตั้งใจ” เผาภูเขาทั้งลูกในงานเฉลิมฉลอง และมันยังเกิดขึ้นทุกปีอีกด้วย
นี่คือเทศกาลเผาภูเขาที่เกิดขึ้นในจังหวัดนารา โดยมีชื่อว่า เทศกาลเผาภูเขาวะกะคุสะ (Wakakusa Yamayaki) ซึ่งจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 4 ของเดือนมกราคมของทุกปี ที่สวนสาธารณะนารา โดยหญ้าที่เกิดขึ้นบนภูเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 342 เมตรแห่งนี้จะถูกจุดไฟเผาจนราบเป็นหน้ากลอง
นอกจากการจุดไฟที่ทำให้ภูเขาทั้งลูกสว่างไสวไปด้วยเปลวไฟแล้ว ยังมีการแสดงดอกไม้ไฟที่สวยงามอลังการจำนวนกว่า 600 ลูก จนทำให้ผู้คนทั่วทั้งเมืองมองเห็นได้อย่างชัดเจน
งานเฉลิมฉลองของเทศกาลนี้มีความเกี่ยวข้องกับวัดโทไดจิ วัดโคฟุคุจิ และศาลเจ้าคาซูกะ ซึ่งเกิดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ต้นกำเนิดยังไม่ชัดเจน มีทฤษฎีหนึ่งอ้างว่าการเผาภูเขาเกิดขึ้นในช่วงที่มีความขัดแย้งระหว่างวัดในนารา ในขณะที่อีกทฤษฎีอ้างว่า เป็นการจุดไฟเพื่อขับไล่หมูป่า
สำหรับงานเทศกาลจะเริ่มอย่างเป็นทางการตั้งแต่เวลาเที่ยงตรง หลังจากนั้นจะมีการจัดกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ บริเวณรอบฐานภูเขาวะกะคุสะ มีทั้งการแสดงบนเวทีและการละเล่นมากมาย ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือการแข่งขันขว้างขนมเซมเบ้ยักษ์ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 12.30 ถึง 15.00 น.
และในเวลาประมาณ 17.00 น. ขบวนของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการจุดไฟเผาภูเขาก็จะมุ่งหน้าไปยังศาลเจ้ามิซูยะเพื่อจุดคบเพลิงตามเส้นทาง และในเวลา 17.30 น. ขบวนจะเดินทางมาถึงฐานภูเขาที่มีผู้ชมหลายร้อยคนมารวมตัวกัน จากนั้นกองไฟขนาดใหญ่ก็จะถูกจุดขึ้นบริเวณทางขึ้นเขา และมีการกั้นคนไม่ให้เข้าไปยังบริเวณดังกล่าว
เวลา 18.15 น. การแสดงดอกไม้ไฟก็จะเริ่มขึ้นนานประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะมีการใช้กองไฟดังกล่าวจุดไฟหญ้าบนภูเขา ไฟจะค่อย ๆ ลุกลามไปทั่วซึ่งปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความแห้งความชื้นของหญ้า ก่อนที่ไฟจะเผาไหม้ภูเขาทั้งลูกและดับลง
สำหรับใครที่มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนมกราคมล่ะก็ สามารถไปชมแบบของจริงกันได้ที่จังหวัดนารา โดยคุณสามารถเดินทางจากสถานี Nara บนสาย JR หรือสาย Kintetsu ให้นั่งรถบัสสาย Nara Kotsu Bus เที่ยวที่มุ่งหน้าไปยัง Kasugataisha Honden ลงที่ป้ายปลายทาง Kasugataisha Honden แล้วเดินประมาณ 5 นาทีเท่านั้น
และนี่ก็คืองานประเพณีโบราณของญี่ปุ่นที่แค่เห็นภาพอาจจะดูรุนแรง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมีการจัดการและควบคุมเรื่องการดูแลความปลอดภัยอย่างดี ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวต้องไปเยี่ยมชมเทศกาลนี้ให้ได้สักครั้งในชีวิต
ที่มา : japan-guide | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
