ลีกฟุตบอลอย่างเป็นทางการที่เล็กที่สุดในโลก ที่แข่งกันแค่ 2 ทีมเท่านั้น

ลีกฟุตบอลของหมู่เกาะซิลลี (Isles of Scilly) มีลีกฟุตบอลอย่างเป็นทางการที่เล็กที่สุดในโลก เนื่องจากมีทีมฟุตบอลเพียงแค่ 2 ทีม ที่เล่นกันเอง 17 ครั้งต่อฤดูกาล

อย่างที่เราทราบกันดีว่า อังกฤษ เป็นประเทศที่คลั่งไคล้ฟุตบอลมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ไม่เว้นแม่แต่หมู่เกาะซิลลีของพวกเขาที่มีมากกว่า 140 เกาะนอกจากชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลคอร์นวอลล์

หมู่เกาะแห่งนี้มีลีกฟุตบอลเป็นของตัวเอง แต่สิ่งที่แตกต่างคือขนาดของลีกที่ประกอบไปด้วย 2 ทีมเท่านั้นคือ Garrison Gunners และ Woolpack Wanderers ซึ่งจะแข่งขันกันทุกสุดสัปดาห์ เช่นเดียวกับถ้วยประจำปีที่ชื่อว่า Old Men versus the Youngsters ที่จะเล่นกันในวันบ็อกซิ่งเดย์

“มีการแข่งขันอยู่เสมอ และทุกคนก็เต็มที่กับมันเช่นกัน นั่นคือธรรมชาติของหมู่เกาะซิลลี” วิล ลีธบริดจ์ หนึ่งในนักเตะท้องถิ่นกล่าว

“ทก ๆ การเริ่มต้นฤดูกาล เราจะผสมผสานทีมต่าง ๆ เพื่อให้มันน่าสนใจขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นคุณกำลังพบกับผู้เล่นที่แตกต่างกัน มีการแบ่งผู้เล่นตามตำแหน่ง แล้วกัปตันก็จะเลือกผู้เล่นเหล่านั้นเข้าทีม” วิลกล่าว

แต่การเล่นกับทีมเดิม ๆ ทุกสัปดาห์จะไม่น่าเบื่อใช่ไหม ? แต่นักเตะของหมู่เกาะซิลลีจะบอกคุณว่า ชีวิตจะน่าเบื่อยิ่งกว่าถ้าไม่มีฟุตบอล ตราบใดที่พวกเขามีคนเล่นฟุตบอลด้วย ก็ไม่มีใครบ่น

แฟนฟุตบอลท้องถิ่นกล่าวว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ลีกของพวกเขาประกอบด้วยทีมฟุตบอลจากเกาะที่มีอยู่คนอาศัยอยู่ 5 แห่ง แต่ทุกอย่างก็จบลงในช่วงปี 1950 และเหลือเพียงแค่ 2 ทีมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ที่น่าสนใจคือทั้งทีม Garrison Gunners และ Woolpack Wanderers เป็นเพียงผู้ที่อยู่อาศัยบนเกาะเซ็นต์แมรีเท่านั้น แต่พวกเขายังเปิดรับสมัครผู้เล่นใหม่ ๆ อยู่เสมอ เนื่องจากเยาวชนของเกาะมักจะออกเดินทางไปเพื่อค้นหาโอกาสที่ดีกว่าบนแผ่นดินใหญ่

แต่ปัญหาการนำเข้าผู้เล่นจากเกาะอื่นก็เป็นเรื่องยาก เมื่อพิจารณาถึงเรื่องการเดินทางระหว่างเกาะที่ต้องเผชิญกับพายุและหมอกหนาที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ

จริง ๆ แล้ว ลีกฟุตบอลที่เล็กที่สุดในโลกแห่งนี้โด่งดังมาตั้งแต่ในปี 2008 เมื่อ Adidas มาที่เกาะเซ็นต์แมรี เพื่อถ่ายทำโฆษณาชุด Dream Big โดยมีนักฟุตบอลชื่อดังอย่าง ปาทริก วิเอร่า, ดานิเอเล เด รอสซี, เดวิด เบ็กแฮม, มิชาเอล บัลลัก และ สตีเวน เจอร์ราร์ด ต่างบินมาร่วมถ่ายทำ

ที่มา: odditycentral | Facebook