หากคุณคิดว่าเวลาเพียงแค่วันเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ล่ะก็ คุณกำลังคิดผิดถนัด เพราะหลายๆ เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ล้วนแต่พลิกทุกอย่างจากหน้ามือเป็นหลังมือเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น วันนี้เพชรมายาจึงขอพาทุกท่านมาชมความแตกต่างของภาพก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงที่ห่างกันเพียงแค่วันเดียว แต่ทุกสิ่งอย่างกลับแตกต่างกันมากมายจริงๆ
1. ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ระเบิด ในปี 1980
ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ในรัฐวอชิงตัน ได้เกิดระเบิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิเมื่อปี ค.ศ. 1980 การระเบิดที่รุนแรงส่งผลให้เถ้าถ่านปริมาณมากพุ่งขึ้นสูงหลายร้อยกิโลเมตร นอกจากนั้นยังเกิดดินถล่มที่ผสมไปด้วยลาวาอันร้อนระอุแผดเผาทุกสิ่งในบริเวณใกล้เคียง ทุกอย่างโดยรอบภูเขาไฟลูกนี้ เปลี่ยนไปเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น
2. เชอร์โนบิล, สหภาพโซเวียต
เมืองอุตสาหกรรมมเล็กๆ อย่าง เชอร์โนบิลและพรีเพียต กลายเป็นสถานที่ๆ โลกไม่เคยลืม จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าเมื่อปี 1986 ที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ได้เกิดระเบิดขึ้น เพียงชั่วพริบตา สารกัมมันตรังสีได้กระจายไปสู่ชั้นบรรยากาศ ผู้คนกว่า 3 แสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่อย่างฉุกเฉิน ส่งผลให้เมืองเชอร์โนบิลกลายเป็นเมืองร้างมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยูเครนประเมินว่าพื้นที่นี้จะไม่ปลอดภัยต่อชีวิตมนุษย์ไปอีก 20,000 ปี
3. หิมะตกในทะเลทรายแอฟริกา
เชื่อหรือไม่ว่า ทะเลทรายอันร้อนระอุก็มีหิมะตกได้เช่นกัน อย่างเช่นในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มีการค้นพบชั้นหิมะที่หนาปกคลุมพื้นที่บางส่วนในทะเลทรายซาฮารา การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างกระทันหันสามารถส่งผลให้เกิดสภาวะอากาศแปรปรวนและทำให้เกิดฤดูหนาวที่แท้จริงได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งในพื้นที่ๆ ร้อนที่สุดก็ตาม
4. สึนามิในประเทศญี่ปุ่น
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทรแปซิฟิกใกล้กับทางตะวันออกของชายฝั่งฮอนชู ส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิที่มีความรุนแรงมหาศาลพัดเข้าถล่มเมืองอย่างที่ชาวบ้านไม่เคยพบมาก่อน ความสูงคลื่นสึนามิสูงสุดที่วัดได้คือ 40 เมตร ซึ่งคลื่นยักษ์ทำลายทุกสิ่งจนราบเป็นหน้ากลอง นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที๋ธรรมชาติแสดงให้เห็นว่า มันสามารถทำลายมนุษย์ได้ภายในช่วงเวลาแค่วันเดียวเท่านั้น
5. การล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน
หลังจากที่ฮิตเลอร์พ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ฝ่ายพันมิตรได้เข้ามายึดครองโดยแบ่งประเทศเยอรมันออกเป็น 4 ส่วน เพื่อให้ 4 ประเทศมหาอำนาจที่ชนะในสงครามครั้งนั้นปกครอง ได้แก่ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และโซเวียต ต่อมา 3 ประเทศแรกได้รวมตัวกันจัดตั้งประเทศขึ้นเป็น “เยอรมนีตะวันตก” มีการปกครองแบบประชาธิปไตย ส่วนทางโซเวียตเองได้ปกครอง “เยอรมนีตะวันออก” โดยมีการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ พร้อมทั้งได้มีการสร้างกำแพงเบอร์ลินที่มีความยาวกว่า 155 กิโลเมตร มากั้นกลางซึ่งเกิดขึ้นในปี 1961
และด้วยการปกครองที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้เยอรมนีตะวันตกเจริญขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เยอรมนีตะวันออกกลับตรงกันข้าม ผู้คนที่อาศัยอยู่ฝั่งตะวันออกพยายามข้ามกำแพงมา โทษของพวกเขาคือการถูกยิงทิ้ง ณ ตรงนั้นสถานเดียว จนกระทั่ง 28 ปีต่อมา ในปี 1989 กำแพงเบอร์ลินได้ถูกทำลายลง นับเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ที่ชาวโลกไม่มีวันลืม
6. พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์
ผลจากการเข้าพัดถล่มรัฐเท็กซัสของเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2017 ส่งผลให้เกิดฝนตกอย่างหนัก พื้นที่ในเท็กซัสหลายส่วนจะเจอกับภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จากภาพดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ระดับน้ำที่ท่วมขึ้นมาถึงทางด่วน มันสูงมากแค่ไหน
7. เหตุการณ์ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในปี 1929
นี่คือเหตุการณ์ตลาดหลักทรัพย์ตกครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่นาน 12 ปี ซึ่งมีผลกระทบต่อประเทศอุตสาหกรรมตะวันตกทั้งหมด จากช่วงก่อนหน้าที่อเมริกามีแต่ความมั่งคั่ง ตลาดเติบโตต่อเนื่อง 6 ปี ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 5 เท่า ก่อนที่วันที่ 24 ตุลาคม จะเป็นจุดเริ่มการเทขายครั้งใหญ่ และหลังจากนั้นไม่นาน ตลาดหุ้นสหรัฐก็ถึงจุดตกต่ำที่สุด และไม่กลับขึ้นมาถึงจุดเดิมจนกระทั่งปี 1954 หรืออีก 25 ปีต่อมา
8. แผ่นดินไหวที่เฮติ เมื่อปี 2010
นี่คือหนึ่งในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในวันที่ 12 มกราคม 2010 ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.0 โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองหลวงของเฮติไปราว 25 กิโลเมตร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตระหว่าง 2.1-2.3 แสนคน มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 3 แสนคน และมีอีก 1 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย ความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่อาจประเมินเป็นมูลค่าได้
9. พายุเฮอร์ริเคนแคทรีนา
นี่คือพายุเฮอร์ริเคนที่รุนแรงและสร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา โดยเกิดขึ้นในเมืองนิวออร์ลีนส์เมื่อปี 2005 พายุเฮอร์ริเคนลูกนี้ถูกจัดให้อยู่ในระดับ 5 ซึ่งพายุที่รุนแรงระดับนี้เคยเกิดขึ้นบนโลกนี้มาก่อนหน้านี้เพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น โดยเฮอร์ริเคนแคทรีนาสร้างความเสียหายมหาศาลให้แก่ชายฝั่งด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะเมืองนิวออร์ลีนส์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,836 คน สูญหาย 705 คน ประชากรกว่า 5 ล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้ เมืองทั้งเมืองจมลงอยู่ใต้บาดาล
10. สีนามิถล่มในปี 2004
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2004 ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดียใกล้กับทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา โดยมีความรุนแรงระดับ 9.1-9.3 ส่งผลให้เกิดสึนามิกระจายไปยังประเทศต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียง ตั้งแต่อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย และประเทศไทย และนั่นทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้มากถึง 2.3-2.8 แสนคน และเชื่อว่ามีคุณผู้อ่านหลายๆ คนที่เคยผ่านประสบการณ์สึนามิครั้งนี้มาแล้วด้วย
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : brightside | เรียบเรียงโดย เพชรมายา