หญิงสาวรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Out of Darkness ได้ออกมาบอกเล่าประสบการณ์ของเธอเกี่ยวกับการแอดมิดเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอออกมาเปิดเผยในเว็บไซต์ Boredpanda ว่า
“ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคม ฉันพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ควรจะเป็นมานานกว่า 2 ปีแล้ว หลังจากที่สุขภาพจิตของฉันได้ทรุดโทรมลงไปทุกวัน จนฉันรู้สึกแย่มาก”
หลังจากที่เธอได้ถูกตรวจอย่างละเอียดจากทีมสุขภาพจิตของโรงบาล คุณหมอต่างก็แนะนำว่ามันไม่ปลอดภัยที่จะปล่อยให้เธออยู่ที่บ้านอีกต่อไป เธอกับแฟนหนุ่มของเธอรอนานกว่า 2-3 ชั่วโมง กว่าที่โรงพยาบาลจะหาห้องให้เธอได้ เพราะห้องของโรงพยาบาลมีจำกัด จนในที่สุดเธอก็ถูกแอดมิดเข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลในแผนกประเมินสุขภาพจิตที่โรงพยาบาลท้องถิ่นที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“นี่คือห้องพักของฉันที่ดูเรียบง่ายและสะดวกสบาย มันค่อนข้างร้อนเพราะฉันไม่สามารถปิดฮีทเตอร์ได้ แถมหน้าต่างก็เปิดได้ไม่เกินคืบ แต่นั่นก็เป็นเหตุผลในเรื่องของความปลอดภัย”
“มันเป็นห้องธรรมดาที่มีพื้นที่กว้างใช้ได้ ถึงแม้มันจะไม่ได้กว้างมากสำหรับฉัน แต่มันก็สามารถรองรับคนที่ใช้วีลแชร์ได้อย่างดี พวกเขาพยายามติดคำพูดสร้างแรงบันดาลใจเอาไว้บนกำแพง แต่ก็มีบางส่วนที่ถูกลอกออกมา”
“คุณสังเกตเห็นปลั๊กใช่ไหม ? ฉันคิดว่าพวกเขาดูจะย้อนแย้งนิดหน่อย เพราะฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สายไฟใดๆ เพราะมันมีความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะใช้ก่อเหตุไม่คาดฝันขึ้น”
“นี่คือวิวด้านนอกห้องของฉัน คุณสามารถเห็นลานเล็กๆ ข้างนอกที่คุณสามารถออกไปเดินได้ในระหว่างวัน ส่วนประตูทางซ้ายจะออกไปยังออฟฟิศของนางพยาบาล และถ้าเลยไปอีกก็จะสามารถออกไปสู่โลกภายนอกได้ ฉันอยู่ในพื้นที่ๆ ถูกปิดตาย ดังนั้นฉันจะไม่สามารถหลบหนีออกไปข้างนอกได้ โดยที่ไม่มีใครเห็น”
“คุณต้องไตร่ตรองให้ดี ถ้าคิดจะหลบหนีออกไป ฉันเคยได้ยินเรื่องราวของผู้คนที่ถูกกักบริเวณเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง นั่นหมายความว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณพิสูจน์ได้ว่า ตัวคุณเองปลอดภัยพอที่จะถูกปล่อยออกมา คุณจะต้องรอพูดกับหมอเท่านั้น”
“นี่คืออีกทางหนึ่งบริเวณทางเดิน ข้างหลังหน้าต่างพลาสติกที่เต็มไปด้วยภาพวาดคือห้องอาหาร มันเปิดอยู่เกือบทั้งวัน มีโต๊ะที่ฉันสามารถใช้เวลาระบายสีและพูดคุยกับผู้ป่วยคนอื่นๆ ได้”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเห็นหรือเปล่า แต่มุมบนขวาบนของภาพคุณจะเห็นกระจกนูนส่องทางแยก ที่นางพยาบาลใช้สำหรับมองสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณทางเดิน ซึ่งเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล แต่ฉันใช้สำหรับดูการต่อคิวรับยาว่ายาวแค่ไหน ในขณะที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้องตัวเอง”
“นี่เป็นห้องเล็กๆ ที่เราสามารถมาดูทีวีได้ จริงๆ ห้องมันใหญ่กว่านี้ แต่ฉันไม่ต้องการถ่ายรูปให้ติดคนอื่น เพราะมันผิดกฏหมาย และพวกเขาสมควรได้รับความเป็นส่วนตัว”
“คุณจะต้องหลงรักเจ้ากล่องดาวเทียมห่วยๆ ที่อยู่ในกระจก พวกเขาทำรีโมทหาย ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะเปลี่ยนช่อง จะต้องมีใครสักคนไปกดที่กล่องเท่านั้น”
“กลับไปที่ห้องของฉัน นี่คือตู้ที่ฉันเอาไว้เก็บข้าวของของฉัน ฉันไม่แน่ใจว่าช่องทางซ้ายเอาไว้ทำอะไร เพราะฉันไม่สามารถแขวนอะไรได้สักอย่าง และที่ไม่มีราวก็เพราะเสี่ยงต่อการที่ผู้ป่วยจะผูกรัดอะไร”
“ฉันใช้เวลาไม่น้อยในการจัดข้าวของเวลาที่ฉันเบื่อ ที่นี่ไม่มีกิจกรรมอะไรมากนัก อาจเป็นเพราะที่นี่คือโซนคนไข้ระยะสั้น”
“พวกนี้คือสิ่งที่โรงพยาบาลเตรียมไว้ให้ ชุดนอน (ฉันเอามาเอง) แชมพู ครีมอาบน้ำ บอลบีบแก้เครียด และซองลาเวนเดอร์ที่ได้จากสุภาพสตรีที่ดูแลในส่วนของกิจกรรมคลายเครียด ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เหลืออยู่”
“นอกจากนี้ยังมีสมุดดูแลแผนการฟื้นฟูสุขภาพจิต ที่พวกเขาให้ฉันกรอกข้อมูลลงตัว เพื่อประเมินความก้าวหน้าของฉันและช่วยให้ฉันรู้สึกมีส่วนร่วมกับการดูแลตัวเองอีกด้วย”
“ฉันมักจะนำอุปกรณ์อาบน้ำมาเองเสมอ หากคุณเป็นผู้หญิง คุณต้องนำของใช้ส่วนตัวในห้องน้ำมาเอง เพราะของเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในประกันสุขภาพ แต่คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้เอาสเปรย์ใดๆ มาทั้งสิ้น”
“ฉันซื้อสิ่งบันเทิงใจมาเอง เพราะฉันเคยอยู่โรงพยาบาลและรู้ว่ามันน่าเบื่อแค่ไหน”
“มีหนังสือหาคำปริศนาที่ฉันพกมาเสมอ รวมถึงสมุดจดบันทึกการเดินทางที่ช่วยให้ฉันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับอารมณ์ของฉันและกำลังพัฒนาไปในทิศทางไหน คุณจะไม่สามารถใช้ปากกาได้โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่สำหรับฉันค่อนข้างได้รับการอนุโลมในเรื่องนี้”
“ส่วนสีเขียวๆ นั้นมีชื่อเรียกว่า Tangle มันเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้คลายความวิตกกังวลได้”
“ในวันที่ 3 ฉันได้เข้าพบกับจิตแพทย์ที่ไปกันได้ไม่สวยนัก ฉันรู้สึกว่าเขาไม่ได้กำลังฟังในสิ่งที่ฉันกำลังพูดและความโกรธของฉันทำให้ฉันรู้สึกดี ทุกอย่างจบลงด้วยการที่ฉันพรวดพราดออกจากห้องไป และฉันใช้เวลาที่เหลือตลอดบ่ายไปกับการร้องไห้”
“เมื่อพยาบาลคนหนึ่งเข้ามาดูอาการของฉัน เธอถอดเชือกรองเท้าของฉันออกเพราะคิดว่าฉันอาจใช้มันทำบางสิ่งที่ไม่ดี ฉันใช้เวลาที่เหลือตลอดสัปดาห์ทำสิ่งที่รู้สึกว่ามันไร้สาระ”
“นี่คืองานศิลปะบางชิ้นของฉัน ทางซ้ายไม่ใช่ผลงานของฉัน ฉันแค่ระบายสี ภาพที่น่าขนลุกตรงกลางคือผลงานสร้างสรรค์จากฉันเอง ส่วนภาพค้างคาวเป็นของขวัญมาจากเด็กผู้หญิงคนอื่น ที่ได้รับโจทย์ให้วาดสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบที่สุด เพื่อให้กำลังใจกับตัวเอง”
“ผู้ป่วยคนอื่นๆ ส่วนมากน่ารักและช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับพนักงานทุกคน สิ่งที่แย่ที่สุดของเรื่องนี้อาจเป็นการที่พวกเขาต้องทำงานหนักและทำงานล่วงเวลาบ่อยครั้ง ฉันรู้สึกเสียใจกับนางพยาบาลคนหนึ่ง ที่เธอต้องทำงานนานถึง 5 กะติดต่อกัน”
“ภาพวาดที่น่าขนลุกนี้เกิดจากอาการหลงผิดแปลกๆ ที่บางครั้งฉันคิดว่ามีมิติที่ 4 อยู่ ดวงตาพวกนี้กำลังจ้องมองทุกสิ่งที่ฉันทำ” (ข้อความที่เธอเขียนในภาพคือ มีดวงตาที่จ้องมองพวกนี้อยู่ในกำแพง)
“จริงๆ แล้ว อาการหลงผิด (Delusional Disorder) ไม่ได้ทำให้ฉันต้องเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาล แต่ฉันได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง (Borderline Personality Disorder) และฉันก็ยังอยู่ในภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรงจนมีโอกาสเสี่ยงที่จะคิดสั้นได้ทุกเมื่อ”
ขยายความสำหรับภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง ถือเป็นความผิดปกติทางจิตที่ส่งผลต่อความคิดและความรู้สึกที่ผู้ป่วยมีต่อตนเองและผู้อื่น ผู้ป่วยอาจมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อารมณ์รุนแรง หุนหันพลันแล่น มีความคิดและนิสัยไม่คงที่ ซึ่งส่งผลให้มีปัญหาในการรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่นและการใช้ชีวิตประจำวัน
ตอนนี้หญิงสาวกล่าวว่า เธอรู้สึกดีขึ้นมากและหวังว่าตัวเองจะสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จุดประสงค์จริงๆ ของเธอที่แบ่งปันประสบการณ์นี้ก็คือ เธออยากให้ทุกคนรู้ว่า การถูกแอดมิดเข้าไปเพื่อรักษาสุขภาพจิตนั้นเป็นอย่างไร และมันไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะต้องพูดถึงมันแม้แต่น้อย อีกทั้งเธอยังรู้สึกขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนเธอ และยินดีที่มีโอกาสเข้ามารักษาตัวเองอย่างจริงจังในโรงพยาบาลอีกด้วย
สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ
ที่มา : boredpanda | เรียบเรียงโดย เพชรมายา