วิดีโอที่น่าสะเทือนใจหนึ่งเผยให้เห็นถึงการพิพากษาลงโทษวัยรุ่นชาวเกาหลีเหนือวัย 16 ปี 2 คน ให้เข้าไปทำงานในค่ายแรงงานนานถึง 12 ปี ในข้อหาดูซีรีส์เกาหลีใต้ และนั่นทำให้เรื่องนี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ไปทั่วโลก
สำนักข่าว BBC ได้ออกมาเปิดเผยสถานการณ์การตัดสินโทษที่น่าตกใจของเด็กหนุ่ม 2 คน ที่กำลังสวมชุดสีเทาคล้ายนักโทษ และรายล้อมไปด้วยเด็ก ๆ นักเรียนจำนวนหลายร้อยคนที่นั่งนิ่งสงบ
โดยเด็กหนุ่มทั้ง 2 คนถูกตัดสินความผิดในข้อหาก่ออาชญากรรมที่ “รุนแรง” นั่นคือการดูและเผยแพร่ซีรีส์จากเกาหลีใต้
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า สิ่งบันเทิงหลายอย่างของเกาหลีใต้ รวมทั้งละครและรายการโทรทัศน์เป็นสิ่งต้องห้ามในเกาหลีเหนือ และตามกฎหมายที่ถูกประกาศใช้เมื่อปี 2020 ได้ระบุชัดเจนว่า การชมหรือเผยแพร่สิ่งบันเทิงของเกาหลีใต้มีโทษจำคุกที่รุนแรงหรือแม้แต่การตัดสินประหารชีวิต แต่ก็ยังมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อความบันเทิงเหล่่านี้
“วัฒนธรรมของระบอบการปกครองหุ่นเชิดได้แพร่หลายเข้ามาแม้กระทั่งในหมู่วัยรุ่น” ผู้บรรยายรายหนึ่งกล่าวถึงเกาหลีใต้ “พวกเขาอายุแค่ 16 ปี แต่กำลังทำลายอนาคตของตัวเอง”
ในขณะที่ผู้แปรพักตร์รายหนึ่งกล่าวว่า เด็กหนุ่มทั้งสองคนอาจรู้สึกว่าตัวเองโชคดี เพราะเขาเคยถูกบังคับให้ดูชายวัย 22 ปีรายหนึ่ง ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงปืน สาเหตุเพียงเพราะฟังเพลงเคป๊อบของเกาหลีใต้และแบ่งปันให้กับเพื่อนของเขาฟัง
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ข้อหาในการเสพสิ่งบันเทิงจากอเมริกาหรือตะวันตกจะมีความผิดเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการเสพสิ่งบันเทิงจากเกาหลีใต้
“ถ้าคุณถูกจับได้ว่าชมซีรีส์จากอเมริกา คุณสามารถติดสินบนเจ้าหน้าที่ได้ แต่ถ้าคุณดูซีรีส์เกาหลีใต้ คุณจะถูกยิง” ผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือบอกกับ BBC
“สำหรับคนเกาหลีเหนือ ซีรีส์เกาหลีใต้เปรียบเสมือน ‘ยา’ ที่ช่วยให้พวกเขาลืมความจริงที่ยากลำบากของพวกเขา”
ส่วนสาเหตุที่ทางเกาหลีเหนือต้องลงโทษหนักเช่นนี้ นั่นก็เพราะพวกเขามองว่า ผู้คนชาวเกาหลีเหนืออาจจะหลงชื่นชมไปกับระบอบการปกครองของเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อผู้นำของเกาหลีเหนือ ดังนั้น การลงโทษสถานหนักจึงถือเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้ผู้คนเหล่านี้เป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น ๆ ต่อไป
“ในเกาหลีเหนือ เราได้เรียนรู้ว่าชาวเกาหลีใต้มีชีวิตที่เลวร้ายกว่าเรามาก แต่เมื่อคุณได้ดูซีรีส์เกาหลีใต้ มันเป็นโลกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งดูเหมือนว่าทางการเกาหลีเหนือจะระวังเรื่องนี้ยิ่งขึ้น” ผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือกล่าว
ที่มา: bbc