11 ข้อห้ามของผู้หญิงในซาอุดิอาระเบีย ที่คุณต้องไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง

ในประเทศซาอุดิอาระเบียเกือบทุกสิ่งที่ทำได้เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับสำหรับผู้หญิง วันนี้เราจะมาเผยสิ่งต้องห้ามที่ไม่ปกติสำหรับผู้หญิงในประเทศนี้ว่าต้องทำเช่นไรในการดำเนินชีวิตประจำวัน

1. พวกเธอไม่สามารถออกไปไหนได้โดยไม่มีมะฮฺรอม

หญิงในซาอุดิอาระเบียไม่สามารถไปไหนได้โดยไม่มีสามีหรือญาติที่เป็นเพศชายได้ ชายที่เดินทางไปกับผู้หญิงจะเรียกว่ามะฮฺรอม ถ้าไม่มีคำอนุญาตจากมะฮฺรอมผู้หญิงจะไม่สามารถออกจากประเทศ, มีงานทำ, แต่งงาน, เข้ามหาวิทยาลัยหรือแม้แต่รับการผ่าตัดได้ ในกรณีที่ผู้หญิงต้องการไปหาตำรวจ มะฮฺรอมต้องเป็นผู้ระบุตัวตนและสนทนากับตำรวจเองด้วยแม้แต่การกล่าวหาหรือฟ้องร้องมะฮฺรอมก็เป็นไปไม่ได้ด้วย

2. พวกเธอไม่มีสิทธิในการได้รับใบขับขี่

ข้อมูลนี้กำลังจะเป็นอดีตไปเพราะในปี 2017 ที่ผ่านมากษัตริย์ซาอุดิอาระเบียได้ประกาศการเปลี่ยนกฎหมายที่อนุญาติให้ผู้หญิงขับรถได้โดยการเปลี่ยนแปลงจะมีผลในเดือนมิถุนายน 2018 อย่างไรก็ตามผู้หญิงยังต้องมีผู้ปกครองทำการอนุญาตให้ขับขี่ด้วย

3. การใช้งานขนส่งสาธารณะเป็นสิ่งต้องห้าม

ถูกต้องแล้วแม้ว่าคุณจะไม่สามารถขับรถได้แต่คุณก็ยังใช้งานขนส่งสาธารณะไมได้อยู่ดี เพราะในประเทศซาอุดิอาระเบียนั้นการขึ้นรถไฟจะต้องแยกตู้ขบวนไว้สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะที่ท้ายขบวน และบริษัทรถบัสส่วนใหญ่ปฎิเสธในการให้บริการกับผู้หญิงอีกด้วย นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงในซาอุดิอาระเบียต้องเดินแทน

4. ผู้หญิงต้องสวมใส่ชุดสีดำขนาดใหญ่

เมื่ออยู่บนท้องถนนผู้หญิงในซาอุดิอาระเบียต้องคลุมตัวเองทั้งตัวให้มิดชิดโดยเปิดได้แค่ส่วนรูปไข่บนใบหน้า,มือ และเท้าเท่านั้น ชุดอาบายะห์สีดำแบบยาวที่มีที่คลุมแขนและฮิญาบแบบคลุมทั้งศรีษะคือสองสิ่งที่ผู้หญิงใช้สวมใส่ได้เพื่อไม่ให้เห็นสัดส่วน ในบางเขตหรือเมืองที่เคร่งครัดจะมีนิก็อบเพิ่มด้วยซึ่งเป็นผ้าส่วนพิเศษที่คลุมทั้งหน้าโดยเปิดแค่ส่วนดวงตาเท่านั้น

5. การศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่ใช่สิ่งต้องห้ามแต่ไม่จำเป็น

ผู้หญิงสามารถศึกษาได้แต่ก็มีข้อจำกัดมากมาย แม้ว่าผู้หญิงจะมีจำนวนของการจบการศึกษาขั้นมหาวิทยาลัยมากกว่าผู้ชายก็ตามแต่คุณภาพของการศึกษานั้นค่อนข้างแย่เลยทีเดียว ถ้าผู้ปกครองของผู้หญิงทำการอนุญาตแล้วเธอจะสามารถไปศึกษาต่างประเทศได้แต่มันยากมากในการได้รับทุนการศึกษาสำหรับหญิงสาว ผู้หญิงส่วนใหญ่ได้ศึกษาในด้านครุศาสตร์หรือไม่ก็ด้านวิทยาศาสตร์แต่ส่วนมากแล้วจะไม่ได้งานหลังจากเรียนจบแล้วอยู่ดี

6. พวกเธอไม่ทำงานมากนัก

แม้จะมีการปฎิรูปและยกเลิกกฎข้อห้ามไปหลายครั้งแล้ว แต่มีเพียง 17% เท่านั้นของผู้หญิงที่ทำงานที่นี้เพราะส่วนใหญ่จะอยู่บ้านและดูแลเด็กๆ นั่นเอง ชาริอะฮ์ไม่ได้ห้ามผู้หญิงในการทำงานตราบเท่าที่พวกเธอไม่ละเลยความรับผิดชอบในครอบครัวของตัวเอง ถ้าอยากทำงานเธอต้องได้รับการอนุญาตจากทางผู้ชายซะก่อนโดยตัวเลือกนั้นมีไม่มากเช่น แพทย์, พยาบาลและคุณครูตราบเท่าที่พวกเธอไม่ต้องพบผู้ชายคนอื่น ในการจ้างงานผู้หญิงเป็นสิ่งสิ้นเปลืองเพราะต้องสร้างสำนักงาน,ห้องน้ำ และแม้แต่ทางเข้าที่แยกจากคนทั่วไป

7. แล้วผู้หญิงแต่งงานเพราะความรักไหม ?

หญิงสาวส่วนมากแต่งงานตั้งแต่ยังเด็ก นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงหยุดในเรื่องการศึกษาต่อ มากไปกว่านั้นยังมีเรื่องการท้องก่อนวัยและการใช้แรงงานที่ทำให้สุขภาพแย่ลงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ผู้เป็นพ่อจะมีสิทธิในตัวเด็กที่อายุเกินกว่า 7 ปีขึ้นไปไม่มีการกำหนดอายุของหญิงสาวในการแต่งงาน แม้ว่าการบังคับให้แต่งงานนั้นจะเป็นสิ่งต้องห้ามแต่สัญญาของทางเจ้าบ่าวในอนาคตกับพ่อของเจ้าสาวนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งนัก

8. พวกเธอจะไม่ตอบกลับทางประตู

แม้ว่าจะไม่ต้องใส่ชุดแบบที่ต้องใช้นอกบ้าน แต่ผู้หญิงในประเทศนี้ไม่สามารถรับแขกที่มาเยี่ยมบ้านได้ พวกเขาสามารถสนทนากับเพื่อนที่มาเยี่ยมบ้านได้เฉพาะเมื่ออยู่ในส่วนอีกครึ่งของบ้านเท่านั้นห้ามแขกเข้าไปในอีกครึ่งหนึ่งของบ้านที่เหลือ ถ้าผู้หญิงอยากบอกอะไรสามีของเธอจะใช้การโทรศัพท์ไปหาแทน บ้านส่วนใหญ่ในซาอุดิอาระเบียมีสองทางเข้าซึ่งแบ่งระหว่างชายและหญิง

9. ผู้ชายไปทางขวา และผู้หญิงไปทางซ้าย

การแยกเพศเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ในซาอุดิอาระเบียต้องเผชิญเมื่อออกไปข้างนอกเพื่อป้องกันการสัมผัสกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก ในสถานที่สาธารณะเช่นชายหาด,ขนส่งมวลชน และแม้แต่ในร้านอาหารก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่สำหรับการทานอาหารนั้นจะแบ่งเป็นส่วนสำหรับครอบครัว, ชายโสดและส่วนของผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน แม้แต่ Pizza Hut, McDonald และStarbucks ก็ต้องทำตามกฎนี้เพราะไม่อยากเสียลูกค้าไป

10. ทุกคนไม่เท่าเทียมกัน

ประจักษ์พยานของผู้หญิงในซาอุดิอาระเบียมีค่าน้อยกว่าสองเท่า ในการยื่นฟ้องคดีเธอต้องการพยานชาย 6 คน และคำพิพากษาอาจขึ้นอยู่กับประเพณีของชนเผ่าไม่ใช่ในกฎหมาย เด็กไม่มีสิทธิที่จะเป็นพลเมืองของประเทศซาอุดิอาระเบียถ้าบิดาของเขาเป็นชาวต่างชาติ ตามคัมภีร์อัลกุรอานผู้ชายได้รับมรดกมากกว่าผู้หญิงถึงสองเท่า ผู้หญิงมักถูกแยกออกจากรายชื่อทายาทในพื้นที่ตามชนบทอีกด้วย

11. กีฬาคือทางออก!

หญิงสาวในซาอุดิอาระเบีได้รับสิทธิในการเป็นตัวแทนของประเทศตัวเองในกการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมเฉพาะในปี 2012 การตัดสินใจนี้มาจากการกดดันของทางคณะกรรมการโอลิมปิกสากล นี้นับได้ว่าเป็นประเทศแรกในโลกที่ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าร่วมการแข่งขัน อย่างไรก็ตามมันไม่ง่ายนักที่จะสร้างนักกีฬาในประเทศนี้ซึ่งผู้หญิงไม่สามารถมีการศึกษาแบบพิเศษและไม่สามารถสวมใส่อุปกรณ์กีฬาได้ทุกชนิด

สามารถติดตามเรื่องราวน่าสนใจเพิ่มเติมได้ข้างล่างครับ

ที่มา : brightside