นี่คือเมืองแห่งการฆ่าตัวตาย ที่ถูกบังคับให้กลายเป็นเมืองยิ้ม

สยามอาจไม่ใช่ประเทศเดียวที่ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองยิ้ม” เพราะเมื่อเกือบๆ 90 ปีก่อน
ทางแถบยุโรปก็เกือบจะมีเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองยิ้มเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้ยิ้มด้วยความเต็มใจแบบ สยามเมืองยิ้ม ก็ตาม

budapest-smiles-03

 

ในช่วงทศวรรษที่ 1930 บูดาเปสต์ เมืองหลวงของประเทศฮังการี ถือเมืองที่ได้รับความนิยม
จากนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างมาก แต่ในทางกลับกัน ด้านมืดของเมืองแห่งนี้กลับเลวร้ายกว่าที่ใครๆ
จะคาดคิด เพราะเมืองแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งการฆ่าตัวตาย”

budapest-smiles-14

 

เป็นเวลาหลายปีหลังจากภัยสงคราม อัตราการฆ่าตัวตายของชาวเมืองเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
วิธียอดนิยมของผู้ที่ต้องการฆ่าตัวตายก็คือการกระโดดลงไปในแม่น้ำดานูป
ด้วยจำนวนที่มากมายมหาศาสล ทางรัฐบาลจึงต้องจัดเรือลาดตระเวณลอยสอดส่องดูแล
และคอยช่วยเหลือผู้คนที่อยากลงไปนอนใต้แม่น้ำที่แสนจะมืดมิดแห่งนี้

budapest-smiles-15

 

และไม่น่าเชื่อว่า อีกสาเหตุของการฆ่าตัวตายของผู้คนในบูดาเปสต์ ก็คือเพลง
“Gloomy Sunday” ของ เรสโซ เซเรสส์ นักแต่งเพลงชาวฮังการี ที่มีท่วงทำนองอันแสนเศร้า
ใครก็ตามที่ฟังเพลงนี้จะรู้สึกหดหู่จนรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย แต่ถ้าใครใจแข็งพอลองไปฟังกันเล่นๆ ดู

 

ผู้คนหลายร้อยคนที่ฆ่าตัวตายหลังจากฟังเพลงนี้ แม้แต่อดีตคนรักของเรสโซเองก็ตัดสินใจกินยาพิษตาย
ก่อนที่เขาจะไปขอคืนดีกับเธอไม่นาน จนรัฐบาลฮังการีตัดสินใจห้ามไม่ให้เปิดเพลงนี้ออกอากาศ แต่ถึงอย่างนั้น
เพลงนี้ได้ถูกแปลออกไปเป็นภาษาต่างๆ มากมาย และมีคนอีกหลายประเทศอย่างอเมริกาและอังกฤษก็ฆ่าตัวตายเพราะมัน

budapest-smiles-16

 

ในปี 1937 หนังสือพิมพ์ของชาวดัตช์ที่มีชื่อว่า Het Leven ได้เผยแพร่ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่พยายามฆ่าตัวตาย โดยการกระโดดมาจากระเบียงห้องของเธอ

budapest-smiles-08

 

แต่มีชาย 2 คนสามารถรับเธอเอาไว้ได้ทันที่ด้านล่าง

budapest-smiles-09

 

มีหลายคนคิดว่าทาง Het Leven ได้ตั้งใจสร้างสถานการณ์เหล่านี้ขึ้นมาเองเพื่อสร้างกระแส

budapest-smiles-10

 

แต่ทาง Het Leven ได้ออกมาปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

budapest-smiles-11

 

ด้วยความที่แฟชั่นการฆ่าตัวตายเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ศาสตราจารย์จีโน่ และนักสะกดจิตนามว่าบินค์โซ จึงคิดที่จะสร้าง
“คลับแห่งรอยยิ้มขึ้นมา” โดยตอนแรกมันเป็นแค่มุกตลกที่พูดกันเล่นๆ แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นโรงเรียนขึ้นมาจริงๆ

budapest-smiles-01

 

โรงเรียนของพวกเขาสอนวิธียิ้มให้กับผู้คน อย่างเช่น วิธียิ้มแบบรูสเวลต์ ยิ้มแบบโมนาลิซา
ยิ้มแบบดาราคนดังต่างๆ มากมาย ธุรกิจของพวกเขามีจุดประสงค์เพื่อทำให้ผู้คนนิยมการยิ้มแย้มแจ่มใสมากขึ้น
และเปลี่ยนเมืองบูดาเปสต์ให้เป็น “เมืองแห่งรอยยิ้ม”

budapest-smiles-02

 

ทาง Het Leven ได้เผยแพร่ภาพการเรียนการสอนในโรงเรียนแห่งนี้ จะเห็นได้ว่า
คุณครูในชุดขาวกำลังสอนให้นักเรียนยิ้มอ่อนแบบโมนาลิซา

budapest-smiles-04

 

ผู้ที่เข้ามาเรียนจะได้รับการสวมหน้ากากเพื่อบังคับให้พวกเขายิ้มอยู่ตลอดเวลา
ถึงแม้ว่าภายในใจของพวกเขาจะไม่ได้ยิ้มก็ตาม นี่อาจเป็นเทคนิคหนึ่งที่ช่วยได้เช่นกัน

budapest-smiles-05

 

ชายที่ยิ้มแฉ่งอยู่ในรูปด้านบน ก็คือประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ ผู้ที่เป็นต้นแบบของรอยยิ้มอันอบอุ่น
กลายมาเป็นต้นแบบแห่งรอยยิ้มของนักเรียนในบูดาเปสต์

budapest-smiles-06

 

การยิ้มมีหลายระดับ แต่ละระดับก็บอกถึงความหมายที่สื่อออกมาที่แตกต่างกัน

budapest-smiles-07

 

แต่ทาง Het Leven ก็แฉว่า จริงๆ แล้วเบื้องหลังของโรงเรียนแห่งนี้เหมือนจะเป็นการหลอกลวงมากกว่า
เพราะ ศจ.จีโน่ และ บินค์โซ เก็บค่าสอนถึง 500 เหรียญ (ในสมัยก่อนถือว่าสูงมาก)
เพื่อให้ผู้คนยิ้มแบบรูสเวลต์ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ ส่วนการยิ้มแบบโมนาลิซาจะราคาถูกกว่า
ซึ่งพวกเขาบอกว่า ธุรกิจของเขาจะทำให้นักเรียนทุกคนยิ้มแบบเป็นธรรมชาตินั่นเอง

budapest-smiles-12

 

ถึงแม้จะดูเป็นรูปเป็นร่าง แต่ธุรกิจ “คลับแห่งรอยยิ้ม” ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ชาวเมืองบูดาเปสต์มากมาย
ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงลิบจนทำให้มีผู้มาสมัครเพียง 45 คนเท่านั้น จึงไม่ส่งผลต่อผู้คนในเมืองบูดาเปสต์สักเท่าไหร่
แถมไม่รู้ว่าการยิ้มที่ถูกใส่หน้ากากบังคับให้ยิ้มจะมีส่วนช่วยผู้คนได้จริงหรือเปล่า
สุดท้ายอัตราการฆ่าตัวตายของผู้คนในเมือง ก็ลดน้อยลงไปตามกาลเวลา สมกับคำที่ว่าเวลาช่วยเยียวยาได้ทุกสิ่งจริงๆ